ไม่สบาย" น้ำในร่างกายไม่สมดุล

ไม่สบาย

ไม่สบาย

อาการ ผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย บางครั้งไม่ได้มีสาเหตุจากโรคร้าย อย่างเช่น ปวดหัว เป็นไข้ ปวดหัวไมเกรน เครียด หรืออ่อนเพลีย หลายคนให้เหตุผลว่า ทำงานหนักเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ความจริงแล้ว อาจเป็นเพราะน้ำในร่างกายไม่สมดุลเลยทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ แปรปรวน

สมดุลของน้ำ เกิดจากร่างกายเกิดการรวมตัวกันของเซลล์ จนมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นเนื้อเยื่อ อวัยวะ และระบบต่างๆ ภายในเซลล์เล็กๆ ก็คือ "น้ำ" ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำย่อย ของเหลวในลูกตาสมอง ไขสันหลัง เยื่อหุ้มปอด หัวใจ ฯลฯ หรือที่เรียกรวมกันว่า ของเหลวนอกเซลล์ ก็มีน้ำอยู่เช่นเดียวกัน

ร่าง กายของเรามีกลไกควบคุมปริมาณน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อร่างกายเริ่มขาดน้ำ ความเข้มข้นของของเหลวนอกเซลล์เริ่มสูงขึ้น ร่างกายจะกระหาย หากเราไม่ได้ดื่มน้ำทดแทน ร่างกายก็จะมีการควบคุมการเสียน้ำ ปัสสาวะจึงมีปริมาณน้ำลง และมีสีเหลืองเข้มหากร่างกายมีปริมาณน้ำมากเกินไป ร่างกายก็จะไม่มีการกระตุ้นฮอร์โมนดังกล่าว ทำ ให้มีการขับน้ำออกจนเข้าสู่ภาวะสมดุล ปริมาณปัสสาวะมากขึ้นและสีจางลง

การ ขับถ่ายปัสสาวะ โดยไตจะปรับการขับปัสสาวะให้พอกับปริมาณน้ำที่ร่างกายได้รับอย่างเหมาะสม ถ้าร่างกายได้รับน้ำมากกว่าปกติ หรือน้อยลงร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ หากไตทำงานผิดปกติ เช่น ไตวายจะทำให้เกิดการสะสมน้ำในร่างกายมากกว่าการเสียน้ำ

ผิว หนัง หรือการขับเหงื่อ อาจมากขึ้นในวันที่อากาศร้อน เล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง การเสียเหงื่อจะทำให้ร่างกายเสียทั้งน้ำและเกลือไปด้วย แต่เสียน้ำในปริมาณที่มากกว่าเกลือ

การ หายใจ จะเสียน้ำไปทางการหายใจประมาณวันละ 400มิลลิลิตร และอาจมากขึ้นหากอยู่ในที่ร้อนอบอ้าว หรืออุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นจากการออกกำลังกาย

ความ ผิดปกติที่เกิดกับระบบทางเดินอาหาร เช่นท้องเสีย หรืออาเจียน การสูญเสียน้ำในลักษณะนี้ จะทำให้อิเล็กโทรไลต์ถูกขับออกจากร่างกายไปพร้อมกันด้วย

ร่าง กายมีการสูญเสียน้ำและอิเล็กโทรไลต์ตลอดเวลาและถ้าไม่ได้รับการชดเชยน้ำและ เกลือแร่ในระยะเวลาและปริมาณที่เหมาะสม ก็จะแสดงอาการไม่สบายต่างๆ ออกมา

การไม่สมดุลของน้ำเกิดจากการที่ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่ารับเข้า เรียกว่า "ภาวะขาดน้ำ" แต่ถ้าได้รับน้ำมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจะเรียกว่า "ภาวะน้ำเกิน" ซึ่งทั้งสองภาวะจะแสดงอาการต่างๆ ออกมาดังนี้

ภาวะ ขาดน้ำ ส่วนมากมักเกิดจากการที่เราดื่มน้ำน้อยเกินไป ไตเลยต้องพยายามเก็บรักษาน้ำในร่างกายเพื่อช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกาย เป็นไปอย่างปกติแต่เมื่อไตเริ่มรับมือไม่ไหว จะเกิดอาการไม่สบายต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ หงุดหงิด ง่วงซึม ไม่มีแรง เบลอ เป็นแผลร้อนใน ท้องผูก ผิวหนังแห้งกร้าน ความดันเลือดต่ำ ตากลวงลึกและดำคล้ำ ปากแห้ง ฯลฯ อย่างไรก็ตามภาวะเสียดุลน้ำอย่างเดียวไม่อันตรายถึงชีวิต แต่หากไม่มีการชดเชยด้วยการดื่มน้ำในปริมาณที่มากขึ้น แล้วปล่อยให้ร่างกายอยู่ในภาวะที่ขาดน้ำต่อไปเรื่อยๆ อาการดังกล่าวในข้างต้นจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวัน

ภาวะ น้ำเกิน เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีอาการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ออกไป หากเราทดแทนแค่น้ำโดยไม่ได้มีการทดแทนเกลือแร่กลับเข้าไปพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย ยิ่งความเข้มข้นต่างกันมากน้ำก็ยิ่งเข้าไปสะสมภายในเซลล์มากขึ้นทำให้เกิด ภาวะเซลล์บวมขึ้น เซลล์สมองเป็นเซลล์ที่เร็วต่อการถูกกระตุ้น จึงแสดงอาการออกมาเป็นระบบแรกคือ เวียนศีรษะ สับสน กระสับกระส่าย และง่วงซึม หากยังไม่หยุดดื่มน้ำ อาการจะรุนแรงถึงขั้นหมดสติ ระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลวและตายในที่สุด อย่างไรก็ตามภาวะน้ำเกินที่มีอันตรายถึงชีวิต หรือภาวะน้ำเป็นพิษ มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะไตสามารถจัดการน้ำที่เราดื่มเข้าไปได้มากถึง 10-15ลิตรต่อวัน โดยจะขับถ่ายส่วนเกินหรือของเสียออกทางปัสสาวะ ภาวะน้ำเป็นพิษจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว

ควร ดื่มน้ำอย่างไรจึงจะให้ประโยชน์สูงสุด แต่ละวันต้องดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์ประมาณ 1,500-2,000มิลลิลิตร แต่ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ น้ำอัดลม ชา กาแฟ แทนน้ำเปล่า เพราะไตต้องทำงานหนัก ทำให้ร่างกายเสียน้ำมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม วิธีที่ถูกต้องคือ จิบน้ำไปตลอดทั้งวัน การดื่มทีละมากๆ เหมือนเทน้ำทิ้งลงท่อ ร่างกายยังไม่ทันดูดซึมก็ถูกกำจัดทิ้งไปพร้อมปัสสาวะแล้ว

ที่มา : thaifwd.com

0 ความคิดเห็น: