อิสลามกับเรื่องเพศ


การแตกสลายของครอบครัว ความขาดตกบกพร่องและการศึกษาในรูปแบบที่ก่อให้เกิดการ
ขาดระเบียบ ทางสังคม ตลอดจนความยุ่งเหยิงทางวัฒนธรรม ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความจำเป็นอัน
ยิ่งใหญ่อย่างไม่เคยเกิดมาก่อนที่ ต้องนำคำสอนของอิสลามเกี่ยวกับครอบครัว และวัฒนธรรมทาง
เพศมากล่าวถึง

การรุกเข้ามาอย่างป่าเถื่อนของวิถีชีวิตแบบตะวันตก การโฆษณาอย่างขาดมารยาทโดยผู้
สร้าง ภาพยนต์ ทำให้แบบอย่างที่ดีทางเพศของชาวมุสลิมเหือดหายไป ตัวอย่างภาพเปลือยจาก
วีดีโอ การหาความสุขจากภาพเปลือย การโผล่ตัวออกมาของคนที่เป็นทอมอันเป็นงานที่ผลิต
ขึ้นมาโดยสื่อที่ "ก้าวหน้า" ก่อให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดความ
ตกต่ำเพราะไม่อาจควบคุมจิตใจและมีการละเลย มารยาท (อะดาบ) ของอิสลามบ้านที่แตกทำลาย
คือหลักฐานที่เด่นชัดของความล้มเหลวทางจิตวิทยา และสังคมวิทยา"สมัยใหม่" จิตวิทยา และ
สังคมวิทยาสมัยใหม่ได้ตั้งคำถามอยู่เสมอถึงการนำภาวการณ์ของท่าน ศาสดาสุดท้ายมาใช้ใน
ครอบครัวของ เราทุกวันนี้และปฏิเสธ "ความมีเหตุผล" ของการนำการแก้ปัญหาของศตวรรษ
ที่เจ็ดมาใช้โดยสมมุติฐานสองประการ

ประการแรกท่านนบีมุฮัมมัดรอซุลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)มีชีวิตอยู่ใน"สังคมที่แตกต่าง และสิ่งแวด
ล้อมทางสังคม ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง" สมมุติฐานข้อที่สองคือ ภรรยาของท่านศาสดามุฮัมมัด
(ศ็อลฯ) ซึ่งเป็นมารดาแห่งศรัทธาชนนั้นมี "ความแตกต่างและหล่อหลอมมาดีกว่าผู้หญิงอื่นๆ
ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่พวกเธอทำจึงไม่อาจนำมาใช้กับผู้หญิงอื่น ๆ ของโลกร่วมสมัยนี้ได้"

อย่างไรก็ตามสมมุติฐานข้างต้นย่อมมีความผิดพลาดได้เพราะแม้ว่าท่านศาสดามุ ฮัมมัด
(ศ็อลฯ) จะมีชีวิตอยู่ในสมัยเก่าซึ่งเป็นสังคมเผ่าก็ตาม แต่ในสมัยของท่าน การคอร์รัปชั่น ความ
โง่เขลา การขาดศีลธรรมทำลายศึลธรรม และคุณค่าทางวัฒนธรรมและความเลวร้ายที่บีบคั้นอยู่
กับวัฒนธรรมที่แปลกแยกก็ไม่ได้ มีน้อยไปกว่าสิ่งที่เรามีในประเทศ "มุสลิม" ที่ตกเป็นอาณานิ
คมและในประเทศมุสลิมที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของ ตะวันตกแต่อย่างใด เป็นสิ่งที่ถูกต้องว่าภรรยา
ของท่านศาสดา (อุมมะฮาตุลมุอ์มินีน) นั้นมีตำแหน่งพิเศษใน หมู่ผู้หญิงทั้งหมดในเมื่อพวกนาง
ได้รับเกียรติอันเนื่องมาจากความใกล้ชิดผูกพัน กับท่านศาสดาสุดท้าย (ศ็อลฯ) ในอีกทางหนึ่ง
พวกนางมีความเป็นมนุษย์ในทุกรูปแบบ และพวกนางก็มีทัศนคติที่กระจ่างชัดเท่ากับที่จะหวัง
ได้จากผู้หญิงอื่น ๆ อาจกล่าวเพิ่มเติมได้ว่า ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และภรรยา (ร.ฎ.) ของท่าน
ต้อง เผชิญกับความยากจน และความลำบากในความเป็นมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ต้องเผชิญกับ
การกล่าวหาอย่างผิด ๆ การสูญเสียภรรยา และบุตรอย่างน่าเศร้าโศก การเป็นศัตรูกับชาวยิว
คนนอกศาสนาและคริสเตียน ฯลฯ ไม่เคยเลยที่ชีวิตของท่านจะไม่พบอุปสรรคชีวิตครอบครัว
ของท่านศาสดาสุดท้าย(ศ็อลฯ) นั้นเป็นความจริง ดังนั้นการประยุกต์เอาชีวิตซุนนะฮ์ (แบบฉัน)
และแนวทางของท่านมาปฏิบัติใช้เราก็สามารถแก้ ปัญหาได้ อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ผู้ทรงเกรียงไกร
ได้กล่าวไว้ในอัลกรุอานว่า "แท้จริงใน ศาสนทูตของอัลลอฮ์ย่อมมีแบบฉบับอันดีงาม
สำหรับพวกเจ้า" (33:21)

อาอีซะห์ (ร.ฎ.) ภรรยาผู้เป็นที่รักของท่านศาสดากล่าว่า "รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ไม่เคยตบตี
ภรรยาและคนรับใช้ และท่านไม่เคยทุบตีสิ่งใด ๆ ด้วยมือของท่านยกเว้นเพื่อการต่อสู้ในหนทาง
ของอัลลอฮ์"

แม้ว่าจะอนุญาตให้ใช้การสั่งสอนโดยใช้การลงโทษภรรยาที่จิตใจยังไม่เป็น ผู้ใหญ่ได้และ
เป็นที่ยอมรับ ในอัลกุรอาน แต่ศาสดาก็มักจะไม่สนับสนุนการกระทำเช่นนี้ ท่านกล่าวว่า "ที่ ดี
ที่สุดใน หมู่พวกท่านคือการไม่ตบตี" ตบหน้าเฆี่ยนด้วยแส้หรือไม้ เราอยู่ในยุคสมัยที่เรียก
ว่ามีการทำตามใจชอบทางเพศเพศสัมพันธ์ทางธรรมชาติ ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสกปรก เป็น
ธุรกิจ ของการ "หาความสนุกสนาน"

ปัจจุบันนี้ลูกตุ้มของพฤติกรรมสังคมมันแกว่งจากลัทธิที่ถือความบริสุทธิ์ อย่างเสแสร้งของ
ตะวันตกจน ถึงปลายสุดแห่งความสุดโต่งทางเพศ เรื่องเพศได้หลุดออกมาจากเรื่องลับไปสู่เรื่อง
เปิดเผย การแสดงออก ทางเพศกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่และถูกนำมาใช้งาน ไม่เฉพาะในทีวี
และในนิตยสารแบบเพลย์บอย หรือ หนุ่มเจ้าสำราญเท่านั้น แต่เรื่องเพศยังนำมาขายได้ทุก ๆ อย่าง
ตั้งแต่เรื่องไข่จนถึงเรื่องรถไฟทีเดียว ที่เรียก กันว่า "การปฏิวัติทางเพศ" ในทศวรรษที่ 60 นั้นได้
นำมาซึ่งปัญหารุนแรงในบั้นปลายความหลงไหลในกาม อารมณ์ ความบ้าคลั่ง และกามวิตถาร (เกย์
เลสเบี้ยน กะเทย ฯลฯ) ทั้งหมดนี้ล้วนหลุดออกมาจากหลุมมืดแห่งความเกินขอบเขตของพวกเขา

คุณค่าของมนุษย์กับความรักตามธรรมชาติถูกแทนท ี่ด้วยการสมสู่แบบสัตว์ตามที่สาธารณะ
อิสลาม ต่อต้านขบวนการปลดปล่อยผู้หญิงที่ปล่อยให้มีการผสมปนเปกันระหว่างเพศ ซึ่งผู้หญิงและ
ผู้ชายมั่วสุมกัน ในสังคมโสเภณีแห่งโลกของความก้าวหน้านั้น คาร์ลมาร์กซ์ ได้วาดภาพเอาไว้แล้ว
ใน "The Communist Manifesto" นั่นคือ "จากจุดหนึ่งของความเสื่อมทรามทางศีลธรรม ผู้คน
ได้หันไปหาการผสมปนเปทาง เพศอย่างเสรีในที่สุด เมื่อไม่ได้รับความพึงพอใจทางเพศ ก็เลยหัน
ไปสู่การเปลือยอย่างสุดสุด" สำหรับผู้มีจิตใจปกติชาวมุสลิมทั้งชายและหญิง จะต้องยอมรับว่าหาก
พวกเขาและเธอไม่ปฏิบัติตามอย่างจริงจังต่อ แนวทางอิสลามตามคำสอนของท่านศาสดาแล้ว ระ
บบทั้งหมดของชีวิติก็จะต้องเสียหาย

การแยกบทบาททางเพศนั้นเป็นที่ต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์ อัลลอฮ์ได้สร้างผู้ชาย
และ ผู้หญิง เพื่อใช้ให้ดำรงบทบาทอันสูงส่งในขอบเขตและกิจกรรมของพวกเขา อเล็กซิส คาร์เรล
ผู้ได้รับ รางวัลโนเบล จากฝรั่งเศสได้กล่าวไว้อย่างถูกต้องว่า "ความแตกต่างที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ชาย
และผู้หญิงนั้นมีมาจากพื้นฐาน ลักษณะดั่งเดิมมากกว่าที่เรายอมรับกัน การเพิกเฉยต่อพื้นฐานหลัก
นี้ ก่อให้เกิดการสนับสนุนลัทธิปลดปล่อย ผู้หญิงที่มีความเชื่อว่าสองเพศควรจะมีความรับผิดชอบ
ที่เหมือนกัน ในความเป็นจริงผู้หญิงนั้นต่างกับผู้ชาย อย่างลึกซึ้ง ผู้หญิงควรจะพัฒนาทักษะของตัว
เอง โดยไม่ลอกเลียนแบบผู้ชาย พวกปลดปล่อยสตรีมีความเข้า ใจผิดพลาดในเรื่องความเท่าเทียม
กัน"

สัญชาติญาณทางเพศเป็นพลังที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิตอยู่อย่างมนุษย์ อิสลามได้ให้ภาพ
ลักษณ์ที่ สมบูรณ์ในพลังทางเพศ การยับยั้งชั่งใจในทางเพศเป็นพื้นฐานของสถาบันครอบครัวของ
อิสลามจำนวนมาก โดยการแยกบทบาททางเพศ ผู้ชายจะมีบทบาทมากกว่า ความเหนือกว่าผู้ชาย
มีอยู่หลายด้าน นั่นคือ ผู้หญิง จะต้องแสดงความเคารพต่อผู้ชาย และผู้ชายจะต้องคุ้มครองผู้หญิง
ที่มีสรีระอ่อนแอกว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ระบบสังคมของอิสลาม ในเรื่องบุรดะฮ์ฮิญาบนั้นก็คือ
การทำให้ผู้หญิงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ชาย การปล่อยตัวทางเพศของผู้หญิงและตัณหาที่ไม่อาจ
ควบคุมได้ของผู้ชายนำไปสู่การขาดระเบียบทางสังคม และนำไปสู่ความตกต่ำทางวัฒนธรรมทั้ง
หมด สถานะที่เหนือกว่าของผู้ชายได้บอกได้อย่างไว้อย่างชัดเจนใน อัลกุรอาน (4:34) ท่านศาสดา
มุ ฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า "ชาติจะไม่รุ่งเรืองหากนำโดยผู้หญิง" มี เพียงนิกายนอกศาสนาของ
พวกคอริ ญีย์เท่านั้นที่ยอมรับความเป็นผู้นำของผู้หญิง

แต่ความเหนือกว่าของเพศชายไม่ได้หมายถึงการกดขี่เพศหญิง การขาดวัฒนธรรมอิสลาม
ก่อให้เกิด ขอบเขตแห่งความมืดมน เพราะมีการละเมิดสิทธิของผู้หญิง มนุษย์เรานั้นแสดงความ
ผูกพัน ทางด้านอารมณ์โดยการผ่านคำพูด การมองและการสัมผัสโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีความ
สัมพันธ์ทางเพศ คนเคร่งครัดศาสนาชาวมุสลิมทั้งชายและหญิงที่คุ้นเคยอยู่กับซุนนะฮ์จะรู้ถึง ความ
สำราญทางกายเป็นอย่างดี ซุนนะฮ์ โดยตัวของมันเองนั้นเป็นตำราแห่งความรัก หะดีษจำนวนนับ
ร้อยก่อให้เกิดศิลปะแห่งความรักของอิสลาม การเล้าโลมก่อนร่วมเพศเป็นเรื่องของศีลธรรม และ
การแสวงหาด้านจิตวิญญาณทางศาสนาในอิสลาม และประสบการณ์างจิตวิทยาทางเพศต่อการถึง
จุดสุดยอด เป็นบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาบุคลิกของมุสลิมกิจกรรมทางเพศที่ได้รับอนุญาต ได้
เพิ่มและก่อให้เกิดความเข้ม แข็งต่อความสามารถทางด้านจิตใจของชาวมุสลิม ดังนั้นชีวิตทาง
เพศจึงไม่ใช่สิ่งต้องห้ามในอิสลามและชาวมุสลิม จะต้องรู้ถึงเพศศึกษาในอิสลาม และการทำให้
คู่รักพอใจ ซึ่งโดยปกติแล้วมุสลิมทั้งชายและหญิงจะร่วมเพศครั้งแรกกับคู่แต่งงานเท่า นั้น

ความอายและความกังวลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของทุก ๆ ประสบการณ์ใหม่ และมันจะหายไป
เมื่อความแปลกแยก ของบุคคลถูกแทนที่ โดยความรู้ที่เหมาะสม

1

http://www.geocities.com/islamthaith/islam1.htm

0 ความคิดเห็น: