อิสลามกับวันวาเลนไทน์(วันวาเลนไทน์ฮารอม วันต้องห้ามสำหรับมุสลิม) Valentine_ภัยอันตรายสำหรับมุสลิม


บิสมิลลาฮิรเราะห์มานิรร่อฮีม

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะมาถึง ทุกคนคงนึกถึงวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมตะวันตก และพวกเขาถือให้เป็นวันแห่งความรัก หนุ่มสาวผู้เป็นมุสลิมย่อมหลีกเลี่ยงไม่พ้นต่อกระแสดังกล่าว ดังนั้น เราจึงสมควรตระหนักว่าอิสลามมีจุดยืนอย่างไรกับวัฒนธรรมดังกล่าวนี้ (ฟังไฟล์เสียงmp3ได้ด้านล่าง)


ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
"ขอ ยืนยัน พวกท่านจะเดินตามแนวทางผู้ที่อยู่ก่อนหน้าพวกเจ้า ทีละคืบ ทีละศอก จนกระทั่งพวกเขาเข้ารูแย้ (ที่สกปรก) พวกท่านก็ตามมันเข้าไป บรรดาซอฮาบะฮ์เรียนถามว่า โอ้ ท่านร่อซูลุลอฮ์ (ตาม) พวกยิวและพวกนะซอรอกระนั้นหรือ? ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ตอบว่า "แล้วจะใครอีกเล่า" รายงานโดยบุคอรีย์

ความเป็นมาของวันวา เลนไทน์

วันวาเลนไทน์ (Valentine day) เป็นวัฒนธรรมตะวันตกมีความเป็นมาอย่างไรและมีความลึกซึ้งแค่ไหน แม้แต่ชาวตะวันตกซึ่งเป็นเจ้าของวัฒนธรรมเองก็ยังไม่มีความชัดเจนดังที่พระ เดชพระคุณพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ "จากวาเลนไทน์สู่ความเป็นไทย" ว่า "เรื่องราวเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์นั้น ก็เป็นเรื่องที่คลุมเครือจะสืบหาประวัติที่แน่นอนอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่สันนิษฐานกันไป ไม่มีต้นกำเนิดของเรื่องและความเป็นมาที่ชัดเจน ในหนังสือหลักๆ เท่าที่สันนิษฐานกัน พอสรุปได้ว่า

1. วันวาเลนไทน์นี้ เดิมเป็นเทศกาลฉลองความเจริญพันธุ์ของพวกโรมันโบราณ ซึ่งเป็นการระลึกถึงเทพเจ้าลูเปอร์คุส (เทพแห่งความเจริญพันธุ์) ต่อมาภายหลังจึงได้รับเอาเข้ามาเป็นของคริสต์ศาสนา โดยโยงเข้ากับเรื่องการพลีชีพเพื่อศาสนาของนักบุญชื่อ วาเลนไทน์ ซึ่งมีวันฉลองใกล้กัน (ของเดิม 15 กุมภาพันธ์ ส่วนของนักบุญ วันที่ 14 กุมภาพันธ์)

2. ว่ากันว่า เซนต์วาเลนไทน์ เป็นผู้พลีชีพเพื่อศาสนาคริสต์ ซึ่งถูกประหารชีวิตในกรุงโรม เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณ ค.ศ. 269 หรือ 270 และมีสองท่านชื่อซ้ำกันแต่ประวัติศาสตร์ของทั้งสองท่านเป็นเรื่องเล่ากันมา แบบปรัมปรา ซึ่งแท้จริงแล้วอาจเป็นเรื่องเล่าต่างกัน แต่ตัวบุคคลเป็นคนเดียวกัน

3. การฉลองวันเลนไทน์เริ่มมีขึ้นในสมัยกลางของยุโรป แต่การที่ถือว่าเซนต์วาเลนไทน์เป็นนักบุญผู้อุดหนุนคู่รักเป็นเรื่องที่กลาย มาในช่วงหลัง โดยถือว่า เป็นผู้ช่วยเหลือคนมีความรักที่ตกอยู่ในความทุกข์ถูกบังคับ

4. การที่วันที่ระลึก เซนต์วาเลนไทน์ กลายมาเป็นวันแห่งความรัก เป็นเรื่องบังเอิญซึ่งที่จริงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเซนต์วาเลนไทน์เลย แต่เรื่องมาโยงกันและกลายไป คงจะเนื่องจากชาวยุโรปสมัยกลาง มีความเชื่อว่านกเริ่มฤดูผสมพันธุ์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์


อิส ลามกับวันวาเลนไทน์

การปลูกฝังความรักในอิสลามไม่ได้จำกัด วันเพียงแค่วันใดวันหนึ่งเป็นพิเศษ อิสลามมีหลักการและข้อกำหนดเกี่ยวกับเรื่องความรัก การแสดงถึงความรักในอิสลามนั้น จะต้องไม่ขัดกับหลักการของศาสนาและต้องอยู่บนพื้นฐานของศาสนา ดังนั้น ความรัก อิสลามให้การส่งเสริม ได้จะได้รับผลการตอบแทน นั่นก็คือ การมีความรักต่ออัลเลาะฮ์ ร่อซูลของพระองค์ และบรรดามุสลิมีน

อัล เลาะฮฺ (ซ.บ.) ความว่า “ และบางส่วนจากมนุษย์ มีผู้ที่ยึดเอาอื่นจากอัลเลาะฮฺมาเป็นคู่เคียง (กับพระองค์) พวกเขารักสิ่งเหล่านั้น ประดุจเดียวกันเขารักอัลเลาะฮฺ และบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย ย่อมมีความรักอันลึกซึ้งที่สุดต่ออัลเลาะฮฺ ” อัลบะกอเราะฮฺ 165

ท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า“ พวกท่านจงรักอัลเลาะฮฺ ด้วยสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้กับพวกท่าน จากบรรดาสิ่งอำนวยสุขต่าง ๆ ของพระองค์ และพวกท่านจงรักฉันเนื่องจากความรักของอัลเลาะฮฺที่มีต่อฉัน” รายงานโดยท่าน อัตติรมิซีย์ และอัลฮากิม

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า"คนหนึ่งจาก พวกท่านยังไม่ศรัทธา นอกจากฉันจะเป็นที่รักยิ่งไปยัง มากกว่า ครอบครัวของเขา ทรัพย์สินของเขา และบรรดามนุษย์ทั้งหมด " รายงานโดย บุคคอรีย์ และมุสลิม

“ขอสาบานด้วยผู้ที่ชิวิตข้าอยู่ในอำนาจของ พระองค์ พวกท่านจะไม่ได้เข้าสวรรค์จนกว่าพวกท่านจะศรัทธา และพวกเจ้าจะไม่มีศรัทธาอย่างแท้จริง จนกว่าพวกเจ้าจะรักกัน เอาไหม ฉันจะบอกถึงสิ่งหนึ่งที่พวกเจ้าปฏิบัติแล้ว พวกเจ้าจะรักกัน นั่นคือ พวกเจ้าต้องให้สลามต่อกัน” รายงานโดย มุสลิม

ดังนั้น การแสดงความรักเป็นพิเศษในวันวาเลนไทน์ จึงเป็นการเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันและเป็นการให้เกียรติแก่นักบวชที่มีนามว่า “วาเลนไทน์” ซึ่งดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นการกระทำที่อยู่บนหลักการของอิสลาม

ท่าน ร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "ผู้ใดเลียนแบบชนกลุ่มหนึ่ง เขาย่อมเป็นส่วนหนึ่งจากพวกเขา" รายงานโดยท่านอิบนะฮิบบาน

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า “ผู้ใดที่อุตริกรรมขึ้นมาใหม่ในการงานของเรานี้กับสิ่งที่ไม่มี(รากฐาน)มา จากมัน ย่อมถูกปฏิเสธ”

เพราะฉะนั้น การปลูกฝังความรักในอัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ และการแสดงความรักสำหรับพี่น้องมุสลิมด้วยกัน เป็นฟัรดูในทุกเวลาและวโรกาส ไม่ใช่มาจำกัดความรักเพียงแค่วันวาเลนไทน์ วัลลอฮุอะลัม......



ไฟล์เสียงการคุตบะฮฺญุมอัตในหัวข้อ อิสลามกับวันวาเลนไทน์(วันวาเลนไทน์ฮารอม)
โดย อ.ซิดดิ๊ก มูฮำหมัดสอิ๊ด ณ.มัสยิด อัศซอดีกีน

..

0 ความคิดเห็น: