อาการแพ้ท้องเกิดจากอะไร



เชื่อกันว่าอาการแพ้ท้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "HCG" (Human Chorionic Gonadotropin) ที่เพิ่มสูงขึ้น และประสาทรับกลิ่นมีความไวมากขึ้น แม้แต่สภาพอารมณ์หรือระดับความเครียดก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้เช่นกัน ดังนั้นคุณแม่จึงควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียดให้มากๆ ถึงแม้ว่าอาการแพ้ท้องอาจทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวล แต่หากคุณสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ตามปกติ อาการแพ้ท้องก็จะไม่เป็นอันตรายกับลูกน้อยของคุณอย่างแน่นอน แต่หากคุณไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำได้เลยหรือรู้สึกเบื่ออาหารทุกชนิด ควรปรึกษาสูติแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ของคุณพวกเขาสามารถช่วยคุณได้แน่นอน undefined
อาการแพ้ท้องจะคงอยู่เป็นระยะเวลานานเท่าใด
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการแพ้ท้อง จะหมดไปในช่วงเดือนที่ 3 ของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาการคลื่นไส้อาเจียนอาจเกิดขึ้นได้อีกตลอดช่วงตั้งครรภ์ เพียงแค่ได้กลิ่นบางอย่างที่ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียน และแน่นอนว่ากลิ่นที่ชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนอาเจียนก็แตกต่างกันไปในแต่ละคน
มีวิธีการรักษาอาการแพ้ท้องให้หายขาดหรือไม่

วิธีการรักษาอาการแพ้ท้องที่ใช้ได้ผลมี ดังนี้
รับประทานของขบเคี้ยวง่ายๆ และไม่หวานมากทันทีที่คุณตื่นนอน เช่น บิสกิตหรือขนมปังกรอบจะช่วยได้อย่างมาก จากนั้น ให้นอนพักอีก 20-30 นาที ก่อนลุกออกจากเตียง
ในช่วงที่เหลือระหว่างวัน พยายามรับประทานครั้งละน้อยๆ แต่รับประทานบ่อยๆ ทานอะไรสักหน่อย ดีกว่าไม่ได้ทานอะไรเลยหรือซื้อของขบเคี้ยวมาเก็บไว้ เช่น ขนมปังกรอบหรือโยเกิร์ตไว้รับประทานเวลาหิว
อาหารที่มีโปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรตสูงสามารถช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ เพราะฉะนั้น พยายามรับประทานอาหารทั้งสองชนิดนี้ร่วมกัน เช่น รับประทานไข่สุกกับขนมปังปิ้ง
ดื่มน้ำมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเปล่า น้ำผลไม้ นม ชาผลไม้ น้ำอะไรก็ตามที่คุณสามารถดื่มได้ น้ำขิงหรือชาขิงจะช่วยให้อาการคลื่นไส้อาเจียนลดลงและทำให้หายจากอาการแพ้ท้องได้ ที่สำคัญ อย่าลืมหาเวลาผ่อนคลายเพื่อกำจัดความเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน การพูดคุยกับว่าที่คุณแม่คนอื่นๆ ที่มีอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกันก็สามารถช่วยผ่อนคลายได้

ทำไมคุณจึงรู้สึกเจ็บคัดเต้านม
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายจะทำให้เต้านมไวต่อความรู้สึกและมีอาการเจ็บคัดเต้านม เช่นเดียวกับอาการหลายอย่างที่มาพร้อมกับการตั้งครรภ์ ด้วยเหตุนี้เอง อาการเจ็บคัดเต้านมจึงเป็นอาการที่หญิงมีครรภ์ส่วนใหญ่มักบ่นถึงในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่อาการเจ็บนี้จะลดลงทันทีที่ร่างกายสามารถปรับสภาพกับระดับฮอร์โมนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ได้แล้ว
ในบางครั้งอาการเจ็บคัดเต้านมอาจเกิดขึ้นเนื่องจากเต้านมของคุณมีขนาดใหญ่ขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว เพราะระหว่างการตั้งครรภ์ ขนาดของเต้านมของคุณอาจเพิ่มขึ้นอีก 2-3 คัพไซส์ หรือมากกว่านั้น เนื่องจากต่อมน้ำนมมีขนาดใหญ่ขึ้นและปริมาณเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงเต้านมก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและบางครั้ง การสวมชุดชั้นในที่มีขนาดไม่เหมาะสมก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บคัดเต้านมได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นควรตรวจดูให้แน่ใจว่าชุดชั้นในที่คุณสวมใส่มีขนาดเหมาะสมหรือเปล่า

วิธีการจัดการกับอาการเจ็บคัดเต้านม
สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการเจ็บคัดเต้านมมาจากฮอร์โมนซึ่งทำให้เต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้อาการเจ็บลดลงก็คือการสวมชุดชั้นในที่มีขนาดเหมาะสม ช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวมากขึ้นเมื่อสวมชุดชั้นในสำหรับใส่นอนระหว่างการตั้งครรภ์ในระยะแรกๆ
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ส่วนมากจะมีบริการวัดขนาดที่เหมาะสมกับร่างกาย ซึ่งทางห้างก็ยินดที่จะวัดขนาดและช่วยเลือกว่าชุดชั้นในที่คุณเลือกนั้นเหมาะสมกับสรีระของคุณหรือไม่ อีกอย่าง เต้านมของคุณจะมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ตลอดช่วงระยะเวลาตั้งครรภ์ ดังนั้นคุณอาจจะต้องซื้อชุดชั้นในที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยในภายหลัง สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการออกกำลังกาย สิ่งสำคัญที่ควรทราบอีกอย่างหนึ่งก็คือ เต้านมของคุณต้องการชุดชั้นในที่กระชับขึ้นอีกในขณะออกกำลังกาย ดังนั้น หากเป็นไปได้ คุณควรซื้อชุดชั้นในที่เหมาะสมสำหรับใส่ตอนออกกำลังกายด้วยเช่นกัน และอย่าลืมบอกคู่รักของคุณว่าบริเวณเต้านมของคุณนั้นไวต่อความรู้สึก เพื่อให้เขารู้ว่าคุณอาจไม่ต้องการให้เขาสัมผัสเวลาที่รู้สึกเจ็บคัดเต้านม

วิธีการจัดการกับความเหนื่อยล้าระหว่างตั้งครรภ์
การรับมือกับความเหนื่อยล้าระหว่างตั้งครรภ์อาจทำได้ยากสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระยะท้ายๆของการตั้งครรภ์ มีอยู่สองสามวิธีที่สามารถช่วยให้คุณรู้สึกเหนื่อยน้อยลงได้
หาเวลา 'พักผ่อน' สัก 20 นาที ในช่วงสายและช่วงบ่ายจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้น
การพาดเท้าให้สูงขึ้นจะช่วยบรรเทาอาการบวมน้ำ ( fluid retention) และช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้า การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพื่อช่วยให้ร่างกายมีระดับภูมิต้านทานที่แข็งแรงอยู่เสมอ
อาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก เช่น ผักใบเขียว สามารถช่วยเสริมสร้างพลังงานในร่างกายได้อีกด้วย
พยายามหลีกเลี่ยงการพึ่งพาอาหารรสหวานเพื่อช่วยให้คุณไม่เหนื่อยง่าย มีแรงตลอดทั้งวัน
พยายามใช้เครื่องช่วยอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่มี
หาเวลาพักผ่อน เช่าหนังมาดูสักเรื่อง ช็อปปิ้งทางอินเทอร์เน็ต ทำอะไรก็ได้ที่คุณอยากทำ
หรืออาจจะหยุดงานสักวัน เพราะคุณสมควรจะพักผ่อนบ้าง

0 ความคิดเห็น: