1 เดือนเท่ากับ 1 ปี


ครั้นเมื่อเดือนรอมฎอนเดือนแห่งความ เมตตา เดือนแห่งการอภัยโทษได้ลาจากเราไปแล้ว ผู้คนส่วนหนึ่งอาจรู้สึกว่าบรรยากาศมิได้เอื้ออำนายให้แข่งขันกันทำความดี และขยันทำการเคารพภักดีต่อพระเจ้าสักเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้ว ผู้เป็นบ่าวที่แท้จริงของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวาตะอาลา จะขะมักเขม้นขวนขวายในการทำความดีเก็บเกี่ยวผลบุญตลอดเวลาทุกโมงยาม แม้ลมหายใจจะรวยริน แต่หากใจยังรำลึกถึงพระเจ้าก็เป็นการทำดีจวบสิ้นวาระของชีวิต

เมื่อ สิ้นสุดเดือนรอมฎอนก็ยังมีภารกิจที่ส่งเสริมให้ทำเพื่อเสริมสร้างให้ภารกิจ หลักในการถือศีลอดรอมฎอนนั้นเพิ่มทวีผลบุญมากยิ่งขึ้น ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ศ็อลัลลอฮุอะลัยฮิวะวัลลัม เคยกล่าวว่า "ผู้ใดถือศีลอดเดือนรอมฎอนแล้วถือศีลอดติดตามอีก 6 วันของเดือนเซาวาล เสมือนกับว่าเขาถือศีลอดตลอดปี"

เดือนเชาวาลคือเดือนถัดจากรอมฎอน การถือศีลอดเชาวาลเป็นช่วงสั้นๆ บ้านเรามักเรียกติดปากว่า “บวชหก” และไม่จำเป็นต้องถือติดต่อกันทุกวันก็ได้ เพียงแต่ที่นิยมถือติดต่อกันเพราะว่ากระเพาะเคยชินครั้นตั้งแต่รอมฎอนนัยว่า อิงเรื่องสุขภาพไปด้วย ส่วนกรณีของผู้ที่ถือศีลอดรอมฎอนยังไม่ครบ ตามหลักการให้ถือศีลอดใช้ให้ครบเสียก่อนที่จะถือบวชหก ส่วนหากใครไม่บวชหกก็ไม่ถือว่าผิดบาปเพราะเป็นเรื่องสมัครใจ เพียงแต่เสียดายผลตอบแทนที่จะได้รับ เพราะสวนสวรรค์ของพระองค์มิใช่ง่ายๆ ที่ทุกคนจะได้รับเพียงแต่ต้องแลกด้วยกับความอุสาหะพากเพียร เพื่อเข้าใกล้อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

เบ็ดเสร็จรวบยอดแล้วเท่ากับถือศีลอดเพียงเดือนกว่าๆ แต่ผลตอบแทนที่ได้เปรียบเทียบไว้ว่าเสมือนได้ถือศีลอดหนึ่งปี และสำหรับผู้ที่ถือศีลอดเดือนรอมฎอนทุกๆ ปี ยังมีบรรดานักปราชญ์กล่าวว่า “ความดีหนึ่งมีผลบุญถึง 10 เท่า การถือศีลอดเดือนรอมฎอนมีผลบุญเท่ากับ 10 เดือน แล้วติดตามอีก 6 วันของเดือนเชาวาล มีผลบุญเท่ากับ 2 เดือน” เมื่อบวกลบคูณทบไปมาก็เท่ากับหนึ่งปีพอดิบพอดี แต่ลองนึกดูว่า หากมนุษย์เราต้องถือศีลอดทุกวันตลอดหนึ่งปี คุณผู้อ่านคิดว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง? นี่ยังไม่ได้ชวนให้นึกถึงสภาพร่างกาย อาการปากแห้งเพราะหิวกระหาย ตาปรือที่ต้องตื่นมากินข้าวซะฮูรฺทุกคืน และการละหมาดยามค่ำคืนยาวนานติดต่อกัน แต่เชื่อเถอะว่า หากมีบทบัญญัติเยี่ยงนี้แล้ว ผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นบ่าวผู้ภักดีคงไม่พลาดโอกาสสั่งสมความดีงามเพื่อรอ คอยผลตอบแทนที่พระเจ้าทรงตรัสไว้

เจตนารมณ์อันแยบคายที่แฝงอยู่ในการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ คือสิ่งเราจะสัมผัสถึงพระกรุณาเมตตาอย่างล้นเหลือ นอกจากว่าพระองค์ทรงทบทวีผลบุญให้กับบ่าวของพระองค์แล้ว พระองค์ยังคงอภัยโทษจากความผิดบาป "ผู้ใดถือศีลอดรอมฎอนด้วยความศรัทธาและหวังการตอบแทนจากอัลลอฮฺ เขาจะได้รับการอภัยโทษจากบาปของเขาในอดีต" ทั้งนี้ ก็ต่อเมื่อการปฏิบัติของเรามีความบริสุทธิ์ใจเพื่อพระองค์เพียงผู้เดียว

นอก จากนี้ พระเมตตาของพระองค์ยังไม่สิ้นสุด ยังมีข้อผ่อนผันสำหรับมนุษย์ผู้อ่อนแอ อาทิ คนป่วยไข้ คนเดินทาง ในบางกรณีที่ยกตัวอย่างไปนั้นก็ให้ถือศีลอดใช้ให้ครบ ชายหรือหญิงชราเมื่อทั้งสองไม่สามารถจะถือศีลอดได้ และโรคที่เป็นไม่สามารถหายขาดได้เลย เช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมลูก หากเธอเกรงกลัวว่าจะเกิดโทษแก่ตัวเองหรือเด็กในครรภ์แล้ว ก็ให้จ่ายอาหารแก่คนยากจนขัดสนแทนทุกวันครบเดือนรอมฎอน ทั้งนี้ ก็ไม่ใช่หลบเลี่ยงไม่ทดลองถือศีลอดก่อน เพราะบางทีร่างกายที่เราคิดว่าอดข้าวอดน้ำไม่ไหว อัลลอฮฺจะทรงประทานความช่วยเหลือให้ถือศีลอดตลอดเดือนก็เป็นได้ นี่แหละ! ความกรุณาปรานีต่อบ่าวของพระองค์เสมอ

อิสลามยังมีอะไรดีๆ อีกเยอะ ที่นำมาเล่าเป็นเพียงบางส่วนของการถือศีลอดเท่านั้น ผู้อ่านทั้งมุสลิมเดิมหรือผู้สนใจอิสลามลองหันมาศึกษาอย่างจริงจัง แล้วจะรู้ว่าคำบัญชาของผู้สร้างนั้นย่อมสมบูรณ์เหมาะสมกับสภาพชีวิตผู้ถูก สร้างเป็นที่สุด!

0 ความคิดเห็น: