จุดเด่นของอารยธรรมอิสลาม


เมื่อกล่าวถึงหัวข้อเรื่อง อารยะธรรมอิสลามแล้ว ผู้วิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้จะให้ความสำคัญอย่างจริงจังต่อความเป็นมา ของอารยธรรมแห่งมนุษยชาติใน
แต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งจะเห็นได้ว่า อารยธรรมอิสลามมีความเจริญรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลายจนได้นำมนุษย์ไปสู่ความเจริญทั้งด้านความคิด สังคม จิตนิยม และวัตถุนิยมไปพร้อม ๆ กัน

อัลลอฮ์ทรงมีพระประสงค์ ที่จะให้ประชาชาติอิสลามนั้นเป็นประชาชาติที่อยู่ระหว่างกลาง อารยธรรมอิสลามเมื่อพิจารณาจากกาลเวลา จะเห็นว่าเป็นอารยธรรมที่อยู่ตรงกลาง กล่าวคือ อารยธรรมอิสลามนั้นจะอยู่ตรงกลางระหว่างอารยธรรมโบราณและอารยธรรมสมัยใหม่ ซึ่งเป็นสื่อกลางที่สร้างความสัมพันธ์ทั้งสองอารยธรรมอย่างเหนียวแน่น และนับว่ามันเป็นส่วนสำคัญในการถ่ายทอดความเจริญของอารยธรรมโบราณ ( โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อารยะธรรม
ของกรีก ) ไปยังอารยธรรมสมัยใหม่

และสิ่งที่ช่วยให้ อารยธรรมอิสลามเป็นสื่อกลางในการถ่ายโอนอารยธรรมโบราณไปสู่อารยธรรมสมัยใหม่ นั้น ก็เพราะอิสลามรู้จักประนีประนอม ยอมรับอารยธรรมของชาติอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้นอิสลามได้ส่งเสริมให้มีการสร้างกิจกรรมที่มีประโยชน์ และให้เกียรติต่อนักวิชาการ เนื่องจากอิสลามตระหนักดีว่าบุคคลเหล่านั้นเปรียบเสมือนผู้ถือกุลแจของขุม คลังแห่งวิชาความรู้
ต้นกำเนิดของอิสลาม รูปแบบของอิสลาม จิตวิญญาณแห่งอิสลาม ความประนีประนอมของอิสลาม คือความเจริญเติบโตของอารยธรรมนี้ และก่อเกิดภาคผลที่ดีงาม กระทั่งกลายเป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักในยุคสมัยกลาง และยิ่งไปกว่านั้นอารยธรรมอิสลามยังเป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันตกยุคใหม่อีก ด้วย

ฉะนั้นเมื่ออิสลามนั้นมีความหมายที่กว้างขวางไม่ได้จำกัดเพียงแค่ศาสนา หลักการยึดมั่น กฎหมาย รูปแบบการปฏิบัติเท่านั้น ทว่ายังรวมไปถึงกริยามารยาท ความคิด การปฏิบัติต่อกัน ตลอดจนรูปแบบการดำเนินชีวิตฯลฯ แท้จริงอารยธรรมอิสลามนั้น ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้าน
ศาสนา วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และ อื่น ๆ

ณ จุดนี้ ขอเสนอต่อผู้อ่านเกี่ยวการศึกษาอารยธรรมอิสลาม เฉพาะจุดเด่นของอารยธรรมอิสลามเท่านั้น

จุดเด่นของอารยธรรมอิสลามมีดังต่อไปนี้

1. อารยธรรมด้านการศรัทธา คือการศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ต่อคัมภีร์ของพระองค์ ต่อศาสนทูตของพระองค์ อารยธรรมอิสลาม เมื่อนำเอาการศรัทธามาเป็นพื้นฐานหลัก แน่นอนย่อมมีเป้าหมายในคุ้มครองดูแลสถานภาพของตัวเอง ด้วยกำแพงแห่งความเที่ยงธรรมในด้านจิต
วิญญาณ โดยเฉพาจรรยาบรรณอันทรงเกียรตินั้นถือได้ว่าเป็นสารัฐถะหรือแก่แท้ของศาสนาที่มาจาก
พระผู้เป็นเจ้า เพราะจะไม่มีผลดีใด ๆ ในวิทยาการที่ไร้ซึ่งจรรยา ซึ่งทุกศาสนาที่มาจากอัลลอฮ์นั้น ย่อมมีความสอดคล้องกันในการใช้ให้ปฏิบัติคุณงามความดี หลีกหนีจากกระทำความชั่ว การศรัทธาใน
อิสลามนั้น ไม่ได้ขัดกับสติปัญญา เพราะอิสลามได้ดำเนินอยู่บนพื้นฐานของการใช้สติปัญญาในเรื่องศรัทธาไปจน กระทั่งการ ศรัทธานั้น
เด็ดเดี่ยวมั่นคง ถึงแม้ว่าอารยธรรมอิสลามจะเน้นเรื่องการศรัทธา แต่มันมิได้ยกเลิก หรือละเลย
ในเรื่องของวัตถุ แถมยังให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่เนื่องจากมันเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความ เจริญ และความสุขของมนุษย์ ส่วนอีกแง่หนึ่งนั้น การศรัทธาในอิสลาม ไม่ได้มีความหมายเหมือนคำอ้างของผู้ที่มีอคติต่ออิสลามที่กล่าวว่า การศรัทธาคือตัวชักนำสังคม
ไปสู่การมงอมืองอเท้า และรอปฎิหารตลอดจนการรอความหวังอย่างลมๆแล้งๆ ความจริงแล้วอารยธรรมอิสลามได้ส่งเสริมให้มีการสร้างงานต่าง ๆ เนื่องจากการงานต่าง ๆ มีความสัมพันธ์ ต่อการศรัทธาอย่างเห็นได้ชัด

ดังกล่าวนั้นจะเห็นได้ว่า อารยะธรรมอิสลาม คืออารยธรรม แห่งการศรัทธา การปฏิบัติ และการผลิต การศรัทธานั้นได้ครอบคลุมถึง ความบริสุทธิ์ใจ การปฏิบัติตามสัญญา ปฏิบัติสิ่งที่จำเป็น การประดับประดาด้วยมารยาทที่มีเกียรติ

2. อารยธรรมด้านความเจริญก้าวหน้า ไม่มีการชะงักงันและไม่ล้าหลัง อิสลามได้ให้กำเนิดอารยธรรมนี้ขึ้นมา และได้เจริญเติบโตขึ้น ด้วยการต่อต้านสิ่งอธรรม การเอารัดเอาเปรียบ การชะงักงัน ความล้าหลัง อิสลามมิได้ห้ามมุสลิมนำเอาสิ่งใหม่ ๆ หากสิ่งนั้นไม่ขัดต่อศาสนา รูปแบบ จริยธรรมของอิสลาม คำกล่าวอ้างของผู้ที่ต้องการทำลายอิสลามที่กล่าวว่าการศรัทธานั้นขัดต่อเป้า หมายความยุติธรรมของสังคม คำอ้างดังกล่าวนั้นมันไม่เป็นความจริง แท้จริงรูปแบบความยุติธรรมของสังคมจะไม่สมบูรณ์ นอกจากจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของการศรัทธาเท่านั้น อันศาสนาที่มาจากพระผู้เป็นเจ้านั้น ทุกศาสนาเรียกร้องไปสู่การเห็นอกเห็นใจกัน คนมั่งมีจะต้องจุนเจือคนขัดสนหรือ คนยากจนอนาถา ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงบัญญัติการจ่ายซากาตเหนือมุสลิมที่มีความสามารถ

3. อารยธรรมที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและเปิดกว้าง กล่าวคืออารยธรรมอิสลามมิได้ปิดตัวเอง
ทว่าเป็นอารยธรรมที่ยืดหยุ่น มีทั้งการให้และการรับ อารยธรรมอิสลามได้ให้เกียรติต่อมรดก
ของกลุ่มกราบไหว้รูปปั้น ในวิชาและศิลปะแขนงต่างๆ และไม่ได้ยึดติดอยู่กับมรดกเหล่านั้นเพียงแต่วัตถุเหมือนกับการกระทำของบาท หลวงของคริสในช่วงแรกของสมัยกลาง อารยธรรมอิสลามเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่มีอยู่ในมรดกของอารยธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อารยธรรมของกรีก เปอร์เซีย อินเดียและอารยธรรมอื่น ๆ ในขณะเดียวกันอารยธรรมอิสลามมีจุดยืนที่ประนีประนอมต่อ อารยธรรมของยิว และคริสเตียน

เราจะพบว่าอารยธรรมอิสลามนั้นบริสุทธิ์อย่างยิ่ง อารยธรรมอิสลามจะไม่รับสิ่งที่พบโดยบังเอิญจากอารยธรรมอื่นๆ เพราะมันไม่ได้เลือกเฟ้นมาจากสิ่งที่ช่วยรักษาคุณค่า รูปแบบ ธรรมชาติไว้ และปฏิเสธสิ่งที่ไม่ยอมรับการปรับตัว และทุกๆสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับจิตวิญญาณ และอุดมการณ์แห่งอิสลาม

4. อารยธรรมที่รักสันติ ภายใต้ร่มเงาของสันติภาพนั้น เกิดการก่อสร้าง การประดิษฐ์ และการบูรณะ และภายใต้สันติภาพเช่นกัน มนุษย์รู้สึกถึงความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และครอบครัว ซึ่งเป็นผลที่นำไปสู่การงาน การผลิตอย่างมั่นคง อิสลามจะทักทายกันด้วยสันติภาพ แท้จริงนักวิจัยได้ความเห็นที่สอดคล้องกันว่า ประเทศและภูมิภาคใดก็ตามได้ปกครองโดยอิสลาม และได้เติบโตภายใต้อารยธรรมอิสลาม ชีวิตของราษฎรในประเทศหรือภูมิภาคเหล่านั้น จะอยู่อย่างเรียบง่าย ปลอดภัย อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของพวกเขา กระทั่ง นักบูรพาคดีบางคนได้ให้ความสมญานามว่า สันติภาพคืออิสลาม ถึงแม้ว่าอิสลามจะมีความยึดมั่นกับวิญญาณแห่งสันติภาพ แต่ก็มิได้ขัดต่อการรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของมุสลีมีน เนื่องจากอิสลามได้แยกแยะระหว่างสันติภาพและการยอมจำนน สิโรราบ ในขณะเดียวกันนั้นอิสลามห้ามการเป็นศัตรูกัน ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า

ولاتعتدوا إنه لا يحب المعتدين

ความว่า “ และพวกเจ้าจงอย่ารุกราน แท้จริงอัลลอฮ์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้รุกราน ” ด้วยเหตุนี้เองจึงมีเรียกร้องมวลมุสลิมให้มีจุดยืนอย่างเด็ดเดี่ยวต่อการ รุกรานใดๆของศัตรูหรือข้าศึก ซึ่งเอกองค์ อัลลออ์ทรงตรัส

فمن اعتدى عليكم فاعتدوا عليه بمثل ما اعتدى عليكم

ความว่า “ ดังนั้นผู้ใดได้ละเมิดต่อพวกเจ้า ก็จงละเมิดต่อเขา เยี่ยงที่เขาได้ละเมิดต่อพวกเจ้า ”

แท้จริงอารยธรรมอิสลาม ได้ละทิ้งความรุนแรงความป่าเถื่อน การก่อการร้าย การเป็นศัตรู การฆ่าผู้บริสุทธิ์ และอื่นๆ ที่นำไปสู่การทำลายล้าง ด้วยเหตุนี้เมื่อสันติภาพได้ปกคลุมทั่วอนาจักรอิสลาม บรรดาพ่อค้าชาวอาหรับก็เริ่มทำการค้าขายทั้งทางบกและทางน้ำ เนื่องจากพวกเขาเห็นถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขา

5. อารยธรรมที่มีความประนีประนอม ไม่มีการอิจฉาริษยา ไม่มีความเลยเถิด ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่สร้างความรังเกียจต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้นอิสลามยังได้สร้างความประนีประนอมกับชนชาติต่างศาสนิก ดังที่มีระบุไว้ในอัลกุรอานว่า

إن الذين آمنوا والذين هادوا والنصارى والصائبين من آمن بالله واليوم الآخر وعمل صالحا فلهم أجرهم عند ربهم ولا خوف عليهم ولا هم يحزنون

ความว่า “ แท้จริงบรรดาผู้ทรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียนและอัศ-ซอ-อีบีนนั้น ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก และประกอบสิ่งที่ดีแล้ว พวกเขาก็จะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาและไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ ”

แท้จริงอัลลอฮ์ทรงใช้ศาสนทูตของพระองค์ให้มีการให้อภัย ให้มีการประนีประนอมในกิจการต่าง ๆ ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า

فاصفح عنهم وقل سلام فسوف يعلمون

ความว่า “ ดังนั้นเจ้าจงให้อภัยแก่พวกเขา และจงกล่าวว่าศานติ แล้วพวกเขาก็จะรู้ ” อิสลามห้ามไม่ให้มุสลิมมีใจอิจฉาริษยาผู้อื่น ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า

وإن تعفوا وتصفحوا وتغفروا فإن الله غفور رحيم

ความว่า “ แต่ถ้าพวกเจ้าอภัยและยกโทษ ( แก่พวกเขา ) แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ” และด้วยจิตวิญญาณอันประเสริฐนี้ อิสลามได้มองชาว ซิมมีย์ ( ชาวต่างศาสนิกที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐอิสลาม ) ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประนีประนอม อีกทั้งยังมอบสิทธิของพวกอย่างสมบูรณ์ และได้พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นถึงความปลอดภัย แม้กระทั่งกิจการต่างๆของพวกเขาก็ยังมีส่วนร่วมในการสร้างอารยธรรมอิสลาม ซึ่งเราจะเห็นได้จากตำรับตำราของมุสลิม ที่กล่าวสรรเสริญ แพทย์บางคนที่เป็นชาวยิว คริสเตียน และได้สรรเสริญ ต่อวิชาการ ตลอดจนมารยาทของพวกเขา ในขณะที่อารยธรรมอิสลามเจริญรุ่งเรืองอยู่นั้น เราพบว่าชาวคริสเตียนยังเข่นฆ่ากันเองซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งกันในนิกาย ของศาสนา ขณะที่ชาวยิวในยุโรปตะวันตกโดนขับไล่ บางครั้งถึงขนาดถูกสังหาร เนื่องจากพวกเขาเป็นชาวยิว เมื่อพวกเขาได้ดำเนินชีวิตภายใต้การดูแลของอิสลาม และอารยธรรมอิสลาม พวกเขาก็พบถึงความสันติ และความปลอดภัย

6. อารยธรรมมีชีวิตชีวา มั่นคง และเป็นเอกภาพ นับตั้งแต่อารยธรรมอิสลามได้ถือกำเนิดมาจนถึงบัดนี้ ซึ่งมีความกระเตื้องในระดับที่แตกต่างกัน ถึงแม้บางครั้ง อิสลามจะทรุดตัวลงบ้างเนื่องจากอุปสรรค์ต่าง ๆ ที่เข้ามากรำกราย เช่นการโจมตีของศัตรูอย่างป่าเถื่อนต่อโลกอิสลาม แต่ดังกล่าวนั้นมีผลเพียงชั่วขณะเท่านั้นไม่ที่จะหยุดยั้งอารยธรรมอิสลามได้ และเมื่อการโจมตีดังกล่าวได้หมดไป อารยธรรมอิสลามก็กลับมาอย่างเจิดจ้าอีกครั้ง แถมยังเพิ่มความเจริญความมั่นคงมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก กระทั่งบางส่วนของโลกอิสลามประกอบไปด้วยประเทศทางตะวันตก โลกอาหรับ และ หลายๆ ประเทศในแถบเอเชียกลาง เหล่าประเทศมหาอำนาจพยายามที่จะถอนรากถอนโคน อารยธรรมอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นหลักการยึดมั่น ความคิด และภาษา ออกจากประเทศเหล่านั้น แต่ทว่าการปกครองของกลุ่มยึดครองได้หมดไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ได้เงยหน้าขึ้น อย่างสง่าผ่าเผยด้วยมรดกอันล้ำค่าของอิสลาม และธรรมชาติของชาวอาหรับ เราจะเห็นได้ว่าเคล็ดลับความมีชีวิตชีวาอารยธรรมอิสลาม ก็คือมันเป็นอารยธรรมที่วางอยู่บนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความมีจิตวิญญาณ หลักจริยธรรม และหลักความคิดที่ถูกต้อง

7. อารยธรรมด้านมนุษยชาติ เป้าหมายของมนุษย์นั้นคือการมีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า คงไว้ซึ่งความมีเกียรติ ความเจริญก้าวหน้า ในด้าน จิตวิญญาณ ความคิด สังคม เศรษฐกิจ และ อื่น ๆ ปราศจากการเอารัดเอาเปรียบต่อกัน และหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ทำให้เกิดโทษ ด้วยเหตุดังกล่าว อิสลามได้วางระเบียบการดำเนินชีวิตของมนุษย์ไว้อย่างรัดกุม ไม่ว่าจะเป็นส่วนตัวหรือส่วนรวมก็ตาม เพื่อที่จะได้รับความผาสุกต่อตัวเอง ครอบครัว และสังคม แท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงสร้างมนุษย์ในรูปทรงที่งดงามยิ่ง และทรงสอนในสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ และพระองค์ได้ให้พวกเขามีเกียรติ เหนือสรรพสิ่งต่างๆ ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า

ولقد كرمنا بني آدم

ความว่า “ และโดยแน่นอน เราได้ให้เกียรติแก่ลูกหลานอาดัม ” และพระองค์ทรงทำให้สิ่งที่อยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดินเป็นประโยชน์แก่พวกเขา ดังที่พระองค์ทรงตรัสว่า

وسخر لكم ما في السماوات وما في الأرض جميعا منه

ความว่า “และพระองค์ทรงทำให้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่แผ่นดินเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า ”

ฉะนั้นเมื่ออารยธรรมอิสลาม ได้มีคุณสมบัติที่สูงส่ง ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ( การศรัทธา ความล้ำสมัย ความยืดหยุ่น ความกว้างขวาง สันติภาพ การประนีประนอม ความมีชีวิตชีวา ) คุณสมบัติดังกล่าวนี้มีเป้าหมายเพื่อความผาสุกของมนุษย์

8. อารยธรรมด้านความซื่อสัตย์ คุณลักษณะนี้ เป็นจุดเด่นที่แตกต่างออกไปจากอารยธรรมยุคก่อนอิสลาม จะเห็นได้ว่า นักวิชาการของอิสลามนั้น เมื่อเขาได้แปล คัดลอก วิชาแขนงต่างๆ ของกรีก เปอร์เซีย อินเดีย และ อื่น ๆ พวกเขาจะไม่อ้างถึงตัวของพวกเขาเอง แต่พวกเขาจะอ้างความประเสริฐของเจ้าของวิชานั้นๆ ซึ่งพวกเขาได้แปล คัดลอกมา ณ จุดนี้ เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างนักวิชาการอิสลาม และนักวิชาการของกรีก ซึ่งพวกเขาได้คัดลอกวิชาการต่าง ๆ มา แต่กลับอ้างว่าวิชาการเหล่านั้นมาจากพวกเขา ซึ่งการวิจัยสมัยใหม่เห็นว่า นักวิชาการกรีก ได้คัดลอกวิชาแขนงต่างๆ จาก ชาวอียิปต์โบราณ แต่พวกเขาได้บันทึกความรู้ข้อมูลต่างๆ ลงในตำราของพวกเขาโดยที่ไม่ได้บอกถึงที่มาของแหล่งข้อมูลเหล่านั้น เสมือนว่าพวกเขาเป็นผู้ริเริ่มขึ้นมาเอง สำหรับนักวิชาการอิสลามนั้น พวกเขาได้เป็นตัวอย่างที่ดียิ่งในเรื่องของความซื่อสัตย์ พวกเขาได้อ้างข้อมูล ความคิดต่างๆ ไปยังเจ้าของ พวกเขาได้ปฏิบัติ ตามที่อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า

ويؤت كل ذي فضل فضله

ความว่า “ และพระองค์ทรงประทานแก่ทุก ๆ ผู้ทำความดีซึ่งความดีของพวกเขา ”

จุดเด่นของอารยธรรมอิสลามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เราจะเห็นว่าอารยธรรมอิสลามนั้นเน้นทั้งจิตนิยมและวัตถุควบคู่กันไป ฉะนั้นไม่มีอารยธรรมใด ๆ ในโลกนี้ จะดีเลิศประเสริฐไปกว่าอารยธรรมอิสลาม และ อารยธรรมนี้จะคงอยู่ตราบจนวันสิ้นโลก

0 ความคิดเห็น: