คำถาม/ปัญหา/เคล็ดลับ เกี่ยวกับการใช้งานวินโดว์ ตอนที่ 1

ไม่ต้องการให้ Dr. Watson ทำงาน
ถ้าคุณไม่ต้องการให้ Dr. Watson
ทำงานคุณสามารถแก้ไขได้ดังนี้ ในวินโดวส์ 2000
หรือวินโดวส์ XP โดยไปที่ Start แล้วเลือก Run พิมพ์
Regedit แล้วกด Enter แล้วหาค่า HKEY_LOCAL_MACHINE\
SOFTWARE \ Microsoft \ Windows NT \ CurrentVersion\ AeDebug
เพิ่มค่าคีย์หรือเปลี่ยนค่าคีย์ Auto เป็น 1
จากนั้นปิดโปรแกรม RegEdit แล้วลองล็อคอินใหม่ .....

เปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วเน็ตหลุดแก้อย่างไร
เหตุใดเวลาที่ไม่ได้ใช้เครื่องสักพักเน็ตจึงหลุด ปัญหานั้เกิดจากการตั้งค่าของ IE โดยถ้าเราไม่ขยับเม๊าส์หรือไม่ได้ใช้เครื่องสักพักมันจะตัดอินเตอร์เน็ตให้อัตโนมัติ ซึ่งทางแก้ไขมีดังนี้
1. เปิดโปรแกรม IE ขี้นมา จากนั้นคลิกเมนู Tools > Internet Option..
2. คลิกที่แท็บ
3. แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม Settings...
4. จากนั้นให้คลิกปุ่ม Advanced
5. ขั้นต่อมาให้คลิกเอาเครื่องหมายถูกหน้า Disconnect if idle .... และ Disconnect Connection... ออก
6. เสร้๗แล้วคลิก OK ออกไปเรื่อย ๆ ก็จะแก้ปัญหานี้ได้แล้ว .....

พิมพ์ข้อความในกระทู้ ออกทางเครื่องพิมพ์ แต่มองไม่เห็นภาษาไทย
ตามปกติแล้วปัญหาเช่นนี้จะเกิดจากวินโดวส์ หรือไม่ก็เครื่องพิมพ์ ซึ่งแต่ละแบบให้แก้ตามขั้นตอนดังนี้
* เกิดจากวินโดวส์
มักจะเกิดกับวินโดวส์ 98 รุ่น Se และ วินโดวส์ ME ให้ลองหาแผ่นวินโดวส์ มาติดตั้งใหม่ หรืออาจคัดลอกข้อความที่ต้องการพิมพ์ไปไว้ใน MS Word ก่อนแล้วค่อยพิมพ์ออกมา หรืออาจเปลี่ยน Regional settings ที่อยู่ใน Control Panel เป็น English (USA) ในช่องพิมพ์ก่อนก็ได้ เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็ปรับให้กลับเป็น Thai เหมือนเดิม
* เกิดจากเครื่องพิมพ์
จะมีเฉพราะบางรุ่นเท่านั้น ลองเข้าไปยังเว็บไซต์ผู้ผลิต เครื่องพิมพ์ที่ใช้ แล้วดาวน์โหลด ไดรเวอร์หรือโปรแกรมแก้ไขปัญหาเรื่องการพิมพ์มาติดตั้งใหม่ .....

ลบรายชื่อเว็บที่อยู่ใน Address bar ออกได้อย่างไร
ในการลบรายชื่อเว็บไซต์ที่อยู่ในส่วนของ Address bar นั้นสามารถทำได้ 2 แบบคือลบทีเดียวทั้งหมด กับลบเฉพาะบางรายชื่อเท่านั้น ซึ่งแต่ละแบบมีขั้นตอนดังนี้
* ลบทีเดียวทั้งหมด
1. เปิดโปรแกรม IE ขี้นมา จากนั้นคลิกเมนู Tools > Internet Option..
2. แล้วคลิกปุ่ม Clear History
3. จากนั้รคลิกปุ่ม OK เท่านี้รายชื่อเว็บไซต์ ต่าง ๆ ก็จะหายไปหมด
* ลบเฉพาะบางรายชื่อ
1. คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run
2. พิมพ์คำสั่ง regedit
3. แล้วคลิก OK
4. ขั้นตอนต่อมาให้เข้าไปที่ HKEY_CURRENT_USER\Software\ Microsoft\Internet Explorer\TypedURLs
5. คลิกขวารายชื่อเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการ แล้วเลือกคำสั่ง Delete
6. คลิกปุ่ม Yes เพื่อยีนยัน ทำเช่นนี้จนกว่าจะลบเสร็จเรียบร้อย
7. จากนั้นให้ดูว่าหมายเลขอะไรบ้างที่ลบไป เช่น ลบเบอร์ 10 ไป ก็ให้คลิกขวาที่ URL ตัวสุดท้าย แล้วเลือกคำสั่ง Rename
8. พิมพ์ชื่อเป็น url10 แล้วกดปุ่ม Enter
9. หากมีตัวอื่นก็ให้เปลี่ยนชื่อ Url ตัวสุดท้ายแบเดิมอีก ทำอย่างนี้จนหมด แล้วคลิกปุ่มกากบาทเพื่อปิดหน้าต่างนี้ เท่านี้ก็จะสามารถลบรายชื่อเว็บไซต์ที่ต้องการได้แล้ว
* หากไม่สร้างหมายเลขที่ลบออกไปใหม่ มันจะข้ามไม่แสดงรายชื่อเว็บไซต์ตั้งแต่หมายเลข 10 ลงไปทั้งหมดคือจะแสดงเฉพาะหมายเลข 1-9 เท่านั้น .....

ลืมรหัสผ่านที่ตั้งไว้ใน Content Advisor จะแก้อย่างไร XP
ถ้าคุณลืมรหัสผ่านที่ตั้งไว้ใน Content Advisor จะทำให้ไม่สามารถเข้า IE ได้ มันติดรหัสผ่านที่ตั้งไว้ มีวิธีแก้ดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run
2. พิมพ์คำสั่ง regedit
3. แล้วคลิก OK
4. เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\ CurrentVersion\Policies\Ratings
5. ให้มองฝั่งขวามือ ที่มีข้อความว่า Key แล้วคลิกขวา เลือกคำสั่ง Delete
6. จากนั้นคลิกปุ่ม Yes
7. เสร็จแล้วคลิกปุ่มกากบาทด้านบนขวามือ คราวนี้ก็สามารถใช้งาน IE ได้แล้ว .....

แก้ข้อความตามเว็บบอร์ดหรือ Hotmail ตัวเล็กมาก
หลายคนมีปัญหาว่า เวลาที่ต้องการพิมพ์ข้อมความต่างๆ บนเว็บบอร์ดหรือเขียนเมล์ที่ Hotmail แล้วจะเห็นตัวอักษรเล็กมาก วิธีการแก้มีดังนี้
1. เปิดโปรแกรม IE ขี้นมา จากนั้นคลิกเมนู Tools > Internet Option..
2. คลิกปุ่ม Fonts...
3. เลือกฟอนต์เป็น Microsoft Sans Serif (ในส่วนของ web page font
4. จากนั้นคลิกปุ่ม OK 2 ครั้ง เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้แล้ว .....

ย้ายคอมแล้วไม่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้
ปัญหานี้จะเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแยกออกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
- กรณีที่ใช้โมเด็มแบบ Internal ซึ่งช่วงเวลาที่ยกเครื่องคอมพิวเตอร์ไปตั้งที่อื่น อาจจะทำให้การ์ดโมเด็มที่เสียบอยู่บนเมนบอร์ดเกิดขยับหรือหลวม จึงทำให้ไม่สามารถต่อ อินเตอร์เน็ตได้ ทางแก้ก็ให้ลองเปิดฝาเครื่อง แล้วทำการเสียบการ์โมเด็มไปใหม่ ให้แน่น
- เสียบสายผิดช่อง เมื่อยกเครื่องมาต่อกับเครื่องโทรศัพท์เครื่องอื่น คุณอาจเสียบสายโทรศัพท์ เข้ากับช่องโมเด็มผิดช่อง ให้คุณเสียบช่อง Line หรือถ้าไม่มีเขียนไว้ให้เสียบ ช่องที่ไม่ใช่รูปโทรศัพท์
- สายโทรศัพท์เสีย นำสายโทรศัพท์จากช่อง Line มาเสียบกับโทรศัพท์ แล้วให้ลองยกหูฟังสัญญาณหากว่าสามารถโทรออกได้ตามปกติ ก็น่าจะเกิดจากการตั้งค่าของโมเด็ม ในวินโดวส์ แต่ถ้าไม่สามารถโทรออกได้ตามปกติ นั่นแสดงว่า สายโทรศัพท์เสีย ให้ติดต่อกับพนักงานโทรศัพท์ เพื่อทำการแก้ไขให้สามารถใช้งานตามปกติ
- ลืมใส่หมายเลขตัดโทรศัพท์ จะเกิดกับคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านเครื่อง PABX ก็ให้ตรวจสอบดูว่าได้ใส่หมายเลขตัดโทรศัพท์หน้าเบอร์ที่ต้องการโทรออกหรือยัง ถ้ายังก็ให้ใส่ด้วย
- เบอร์ต่อไปยัง ISP ผิด เป็นไปได้ว่าเบอร์โทรศัพท์ต่อไปยัง ISP ผิดให้ตรวจสอบส่าเบอร์ถูกต้องหรือยัง .....

ทำอย่างไรให้ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านตู้ PABX
กรณีที่ต้องการกำหนดให้โทรศัพท์ที่ผ่านตู้ PABX ให้สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ ก็สามารถทำได้ดังนี้
1. เข้าสู่ Control Panel แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Modems
2. จากนั้นคลิกปุ่ม Dialing Properties
3. ในช่อง For local calls dial พิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการกดก่อนโทรออก จากนั้นตามด้วย , เช่น ถ้าต้องการกดปุ่ม 9 ก่อนโทร ก็กำหนดได้เป็น 9, เป็นต้น
4. คลิก OK ก็สามารถตั้งค่าหมายเลขโทรศัพท์ในกรณีที่ต้องผ่านตู้ PABX ได้แล้ว .....

ปิดเสียง Information Bar และ Popup Blocker
สำหรับผู้ใช้ที่ติดตั้ง Service Pack 2 ของ Windows XP แล้วรู้สึกรำคาญเสียงเตือนเวลาที่มีการบล็อกหน้าต่างป๊อปอัพ หรือเวลาที่มันแสดง Information Bar จะไม่ว่า
ด้วยเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น WinTip ครั้งนี้มีคำตอบสำหรับการปิดเสียงเหล่านี้ให้กับทุกท่านครับ
ต้นตอของเสียงที่เกิดขึ้นมาจากการที่ Internet Explorer เล่นไฟล์ WAV ชื่อว่า Windows XP Information Bar.wav กับ Windows XP Pop-up Blocked.wav นั่น
เอง ซึ่งการปิดเสียงทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวสามารถทำได้ดังนี้
เปิดหน้าต่าง Control Panel ตามด้วย Sounds คลิกแท็บ Sounds เลื่อนสกอลบ๊อกซ์ลงมายังเซคชั่น Windows Explorer กำหนด Sounds ให้เป็น (None) สำหรับสอง
เหตุการณ์ข้างล่างนี้
Blocked Pop-up Window
Information bar
คลิกปุ่ม OK และปิดไดอะล็อกบ๊อกซ์
ในกรณีที่คุณต้องการปิดเสียงทั้งสองนี้ผ่านรีจิสทรี เพื่อจัดทำเป็นไฟล์ .reg แจกจ่ายให้กับเครื่องต่างๆ ที่ต้องการนำไปใช้ได้ทันทีก็สามารถทำได้โดยเปิดโปรแกรม Registry
Editor (regedit.exe) จากนั้นเข้าไปที่
HKEY_CLASSES_USER\AppEvents\Schemes\Apps\ Explorer\BlockedPopup\.current
ที่กรอบด้านขวากำหนดค่า (default) ให้เป็นข้อความว่าง
ทำเหมือนกับขั้นตอนข้างบนนี้ แต่เปลี่ยนเป็นเข้าไปที่
HKEY_CLASSES_USER\AppEvents\Schemes\Apps\Explorer\SecurityBand\.current .....

รู้จักกับ ระบบเสียงแบบมัลติแชนแนล
ระบบเสียงมีด้วยกันหลายแบบ วันนี้เราจะมาดูถึงระบบเสียงแบบที่เรียกกันเป็นแชนแนลว่า แต่ละแบบมันเป็นอย่างไร มาติดตามกันเลยครับ
- 2 แชนแนล : เป็นระบบเสียงแบบสเตอริโอ ให้เสียงกับลำโพงสเตอริโอซ้ายขวา
- 2.1 แชนแนล : เป็นระบบเสียงแบบสเตอริโอเช่นกัน แต่ว่าได้เพิ่มเติมซับวูฟเฟอร์เข้ามาอีก 1 ตัว
- 4 แชนแนล : เป็นระบบเสียงที่เพิ่มเติมลำโพงคู่หลังเข้ามาอีก 2 ตัว ช่วยสร้างเสียงรอบทิศทาง
- 4.1 แชนแนล : เป็นระบบเสียงที่ใช้ลำโพง 4 ตัว คู่หน้า และ คู่หลัง พร้อมลำโพงซับวูฟเฟอร์
- 5.1 แชนแนล : เป็นระบบเสียงแบบเซอร์ราวน์ดสมจริง มีลำโพงคู่หน้า คู่หลัง และลำโพงเซนเตอร์ด้านหน้า รวมถึงลำโพงซับวูฟเฟอร์
- 6.1 แชนแนล : เป็นระบบเสียงที่เพิ่มเติมจากระบบ 5.1 แชนแนลขึ้นมา โดยจะมีลำโพงเซนเตอร์ด้านหลังอีก 1 ตัว
- 7.1 แชนแนล : เป็นระบบเสียงที่ประกอบไปด้วยลำโพงคู่หน้า คู่หลัง คู่กลาง และลำโพงเซนเตอร์ด้านหน้า พร้อมซัพวูฟเฟอร์ ซึ่งถือว่าให้เสียงที่สมจริง รอบทิศทางมากที่สุด .....

ปลดแอก ป๊อปอัพเฉพาะไซต์โปรด
สำหรับผู้ที่ติดตั้ง Service Pack 2 (SP2) ซอฟต์แวร์ป้องกันการป๊อปอัพ (Pop-up Blocker) จะถูกเปิดให้ทำงานใน Internet Explorer โดยกำหนดการบล็อกไว้ที่ระดับ
กลาง (medium) ซึ่งหมายความว่า มันจะบล็อกหน้าต่างป๊อปอัพอัตโนมัติของเว็บไซต์ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ค่าดีฟอลต์ของการกำหนดการทำงานของส่วนป้องกันการป๊อปอัพจะอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหน้าต่างป๊อปอัพที่ไม่ปรากฏขึ้นมาได้ โดยคลิกผ่านลิงค์ หรือปุ่มบนเว็บ
ไซต์ ซึ่งเวลาที่มันทำงานจะมีการส่งเสียงแจ้งให้ทราบ พร้อมทั้งแสดงข้อมูลใน Information Bar เมื่อหน้าต่างป๊อปอัพของเว็บไซต์ถูกบล็อก
ความลับที่ผู้ใช้อาจจะไม่ทราบก็คือ เราสามารถปรับแต่งค่ากำหนดต่างๆ เพื่อควบคุมให้โปรแกรมป้องกันหน้าต่างป๊อปอัพทำงานตามที่เราต้องการได้ ผู้ใช้สามารถเพิ่ม
เว็บไซต์ที่ยอมให้เปิดหน้าต่างป๊อปอัพเฉพาะเว็บไซต์โปรดได้
ขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่คลิกบนข้อความแจ้งเตือนว่ามีการบล็อกป๊อปอัพที่ปรากฏขึ้นมา เลือกคำสั่ง Always Allow Pop-ups from this site… เพียงแค่นี้ Pop-up Blocker
ก็ยอมที่จะให้เว็บไซต์สุดโปรดของคุณแสดงหน้าต่างป๊อปอัพแล้ว
แต่ถ้าคุณมีเว็บไซต์ชื่นชอบหลายเว็บไซต์ และอนุญาตให้เว็บไซต์เหล่านี้ป๊อปอัพได้ แทนที่จะเข้าไปแต่ละเว็บไซต์ เพื่อทำขั้นตอนข้างบนคุณสามารถพิมพ์แต่ละ URL ของ
เว็บไซต์ที่ต้องการเข้าไปในระบบได้ทันที
งานนี้คงต้องพึ่งโปรแกรม Registry Editor เหมือนเช่นเคย โดยเปิดไดอะล็อกบ๊อกซ์ Run (กดปุ่ม Windows + R หรือคลิกปุ่ม Start -> Run แล้วพิมพ์คำสั่ง
regedit.exe) เมื่อโปรแกรมถูกเปิดขึ้นมา ในกรอบด้านขวาให้คลิกเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsof\Internet Explorer\ New Windows\Allow
ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ป๊อปอัพเข้าไป โดยเพิ่มค่าไบนารี่ (Binary) ให้กับคีย์ย่อย Allow คลิกขวาบนพื้นที่ว่างในกรอบด้านขวามือ เลือกคำสั่ง
New -> Binary Value กำหนดชื่อ (Value Name) ด้วย พิมพ์ URL .....

ไม่มีหน้าต่างถาม Username/Password เวลาที่ต่อเน็ต
หากเกิดปัญหานี้ขึ้นมาอย่าเพิ่งใจร้อน เพราะการแก้ไขปัญหานี้ก็เพียงตั้งค่าให้ ตัวเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตใหม่เท่านั้นเอง ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- สำหรับวินโดวส์ 2000 และ XP
1. ไปที่ Start > My Network Place แล้วเลือก Properties
2. ขั้นตอนต่อมาให้คลิกขวาที่ตัวเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แล้วเลือก Properties
3. คลิกแท็บ Option
4. แล้วคลิกเคร่องหมายถูกหน้าตังเลือก Prompt for name...
5. คลิกปุ่ม OK ก็เรียบร้อย
- สำหรับวินโดวส์ 98 และ ME
1. ดับเบิลคลิกที่ My Computer
2. จากนั้นดับเบิลคลิกที่ Dial-Up networking
3. แล้วคลิกเลือกคำสั่ง Connections >Settings
4. ให้ไปคลิกเอาเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Promt for information .... ออก
5. คลิกปุ่ม OK ก็เรียบร้อย .....

การติตตั้งฮาร์ดดิสก์ [Harddisk]
หากฮาร์ดดิสก์ของคุณเสีย จำเป็นต้องถอดออก หรือว่าต้องการเปลี่ยน คุณจะต้องทราบวิธีการเปลี่ยนที่ถูกต้องก่อนสำหรับการถอดฮาร์ดดิสก์ออกนั้นทำได้โดยก่อนอื่นให้เปิดฝาเคสออก จากนั้นจะเป็นฮาร์ดดิสก์อยู่ภายในตัวเครื่อง ให้ถอดสายเพาเวอร์และสาย IDE ออก ต่อจากนั้นก็ขันน็อตที่ยึดตัวฮาร์ดดิสก์ออก เสร็จแล้วจึงดึงฮาร์ดดิสก์ออกมา เพียงแค่นี้ก็เสร็จสิ้นขั้นตอนถอดฮาร์ดดิสก์ออกแล้ว
ก่อนที่จะพูดถึงการติดตั้งฮาร์ดดิสก์ จะขออธิบายถึงส่วนประกอบของฮาร์ดดิสก์ที่ควรทราบก่อน โดยมีส่วนประกอบที่สำคัญดังนี้
1. ช่องเสียบสาย IDE เป็นช่องสำหรับเสียบสายสัญญาณจากตัวฮาร์ดดิสก์ไปหาเมนบอร์ด
2. ช่องสำหรับเซ็ตจัมเปอร์ เป็นตำแหน่งที่ใช้สำหรับกำหนดการทำงานของฮาร์ดดิสก์
3. ช่องเสียบสายเพาเวอร์ เป็นช่องสำหรับเสียบสายไฟจากเพาเวอร์ซัพพลายเข้าสู่ตัวฮาร์ดดิสก์
4. ตารางเซ็ตจัมเปอร์ เป็นตารางที่บอกวิธีการเซ็ตจัมเปอร์ เพื่อกำหนดการ
5. ทำงานของฮาร์ดดิสก์ว่าต้องการกำหนดให้ทำงานเป็นแบบ Master หรือSlave โดยปกติแล้วฮาร์ดดิสก์ตัวแรกจะนิยมกำหนดให้เป็น Master
การติดตั้งฮาร์ดดิสก์ใหม่
ก่อนอื่นให้คุณเซ็ตจัมเปอร์ให้อยู่ในตำแหน่งเป็น Master ก่อน โดยวิธีการเซ็ตให้ดูจากตารางเซ็ตจัมเปอร์ จากนั้เนให้สอดฮาร์ดดิสก์เข้าไปในช่องสำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์แล้วขันน็อตให้ครบทุกตัวเพื่อลดการเคลื่อนไหวของตัวฮาร์ดดิสก์ขณะทำงาน แล้วให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
1. ต่อสายสัญญาณ IDE ที่ช่องเสียบสาย IDE ที่ตัวฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โดยให้ด้านที่เป็นแถบสีแดงอยู่ตรงกับขาที่ 1 ให้คุณสังเกตจากตัวไดร์ฟซึ่งจะมีหมายเลขบอกอยู่
2. ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งของสายสัญญาณ IDE ให้นำไปเสียบกับพอร์ต IDE 1เมนบอร์ด โดยให้ด้านที่มีแถบสีแดงอยู่ตรงกับขาที่ 1
3. จากนั้นให้เสียบสายเพาเวอร์ที่ช่องเสียบสายเพาเวอร์ ถ้าหากเสียบไม่ถูกก็จะเสียบไม่ได้ โดยปกติแล้วเส้นแดงของสายเพาเวอร์และของสาย IDE จะหันเข้าหากัน
4. ปิดฝาเคส โดยก่อนที่คุณจะปิดตัวเคสคุณควรทดลองเปิดเครื่องดูก่อนว่าหลังจากที่คุณติดตั้งฮาร์ดดิสก์เข้าไปแล้วมันสามารถทำงานได้หรือไม่ ถ้าไม่มีอะไรผิดปรกติจึงค่อยปิดตัวเคส แค่นี้ก็เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการติดตั้งฮาร์ดดิสก์แล้ว
5. สำหรับกรณีที่ฮาร์ดดิสก์ที่คุณติดตั้งเข้าไปเป็นฮาร์ดดิสก์ที่ซื้อมาใหม่ยังไม่ผ่านการใช้งาน คุณจะต้องทำการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์เสียก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ .....

การลบนิภาชื่อไทย ออกจากเครื่อง (อีกวิธี)
บริการชื่อไทยเป็นบริการที่ทำให้สามารถเข้าสู่เว็บไซต์ได้ด้วยภาษาไทย อย่างเช่น หากต้องการไปเว็บกรมสรรพากร ก็พิมพ์ กรมสรรพากร ได้เลย ไม่ต้องค้นหาใน Portal Web ก่อน บริการนี้จะสะดวกสำหรับคนไทยที่ไม่คล่องอังกฤษหรือเพิ่งจะเริ่มต้นใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งอาจจะสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้บางท่านที่คุ้นเคยในด้านไอทีอยู่แล้วบ้าง แต่หากมองในแง่ดี ชื่อไทยก็มีประโยชน์สำหรับคนไทยซึ่งเป็นชาติที่มีภาษาเป็นของตัวเอง แต่ผมว่ารำคาญที่สุด ซึ่งทางนิภาก็มีวิธีแก้ไขให้คุณดังนี้
คุณสามารถแก้ไขค่าของ DNS เป็นค่านี้ 203.146.102.34 (http://www.nipa.co.th/download/un_dns.php) หรือ
1.ดาวน์โหลดโปรแกรมนี้
http://www.nipa.co.th/download/install.htm เมื่อดาวน์โหลดแล้วทำการติดตั้งให้เรียบจะมีไอคอนขึ้นมาที่ หน้าจอให้คลิกที่ไอคอนนั้น
2.ที่แท็บ Directory/Search คลิก 2 options นี้ออก
- Show NIPA Directory when the page can not be found.
- Forward to Search Engine when the page can not be found.
เท่านี้มันก็จะไม่มากวนใจคุณอีก .....

รู้จักกับ DirectX
หลายๆคนคงจะได้ยินคำว่า DirectX เป็นประจำ ยิ่งใครที่ใช้คอมพิวเตอร์มานาน ใช้เล่นเกม ใช้งานด้านมัลติมีเดีย กับแอพพลิเคชั่นที่ต้องการการรองรับและการสนับสนุนการทำงานกับ DirectX ในการทำงานทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์นั้นมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเทคโนโลยี DirectX นี้เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ Windows สามารถรีดพลังและทำงานด้านภาพและเสียงอย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบสนองการเล่นเกมหรือรับชมภาพยนตร์บนพีซีได้อย่างเต็มอรรครส
ในส่วนของ DirectX นั้นเป็นแอพพลิเคชั่นโปรแกรมที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถเชื่อมและสื่อสารการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า APIs อธิบายง่ายๆเหมือนกับเป็นสะพานหรือเป็นล่ามเพื่อให้อุปกรณ์และซอฟต์แวร์สื่อสารกันได้รู้เรื่อง โดยสามารถดึงการทำงานของอุปกรณ์ให้ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแสดงภาพสามมิติสมจริง การทำงานด้านเสียงของซาว์นการ์ด และยังควบคุมการทำงานทั่วไป การทำงาน 2 มิติ สนับสนุนอุปกรณ์ต่อพ่วงภายนอกเช่นจอยสติ้ก คีย์บอร์ดและเม้าส์ รวมทั้งควบคุมการมิกซ์เสียง การขยายเสียง ด้วยความสามารถอัจฉริยะของ DirectX ให้คุณสัมผัสประสบการณ์ใหม่จากความสมจริง ความอลังการทางด้านภาพและเสียงสามมิติ ระบบเสียงสมจริง และระบบเสียงคุณภาพสูง โดยปัจจุบัน DirectX จะสนับสนุนระบบปฏิบัติการตั้งแต่ Windows 98, Windows 98 SE, Windows Millennium Edition (Windows Me), Windows 2000, Windows Server 2003 สำหรับ Windows XP เวอร์ชั้นแรกสนับสนุน DirectX 9.0b ส่วน Windows XP Service Pack 2 ล่าสุดจะสนับสนุน DirectX 9.0c
จะเห็นได้ว่า DirectX มีความสำคัญในการทำงานทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมไปถึงช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นการ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ๆจำเป็นต้องอาศัยไดร์เวอร์ DirectX เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งเค้นประสิทธิภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์ รวมไปถึงการทำงานชิปเซ็ต ทางด้านเกมใหม่ๆ สนับสนุนและรองรับการทำงานกับ DirectX เวอร์ชั่นล่าสุด เรียกได้ว่าสำคัญขนาดนี้ ไม่มีไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องมี แต่ปัจจุบันหากคุณใช้ Windows XP Service Pack 2 ไม่ต้องห่วงเนื่องจากได้รวมเอา DirectX 9.0c มาให้เรียบร้อยแล้ว จึงสนับสนุนและรองรับการทำงานด้านมัลติมีเดีย เกมใหม่ๆ ได้อย่างสะใจ เร้าใจกับภาพสุดตระกาตา อินไปกับเสียงสมจริง .....

ปรับแต่งจำนวนกรุ๊ปโปรแกมบนทาสก์บาร์
ผู้ใช้ Windows XP น่าจะคุ้นเคยกับฟีเจอร์การจับกลุ่มของหน้าต่างโปรแกรมเดียวกันบนทาสก์บาร์ เพื่อความมสะดวกสบาย และประหยัดพื้นที่ใช้สอย อย่างเช่นเวลาที่เปิด IE หลายๆ หน้าต่างไปเรื่อยๆ มันจะเกิดการรวมกลุ่มโดยแสดงตัวเลขจำนวนหน้าต่างที่เปิดอยู่หน้าชื่อโปรแกรมบนทาสก์บาร์
คราวนี้เราจะมาปรับแต่ง เพื่อกำหนดจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้ Windows XP เริ่มจับกลุ่มหน้าต่างโปรแกรมเหล่านั้นบนทาสก์บาร์ เนื่องจากผู้ใช้บางท่านที่ต้องการความเร็วในการสวิตช์โปรแกรมอาจจะไม่ต้องการให้ Windows XP รวมกลุ่มหน้าต่างเร็วเกินไป ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ด้วยการกำหนดจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้เริ่มจับกลุ่มในรีจิสทรี โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรม Registry Editor (คลิกปุ่ม Start -> Run) พิมพ์คำสั่ง regedit คลิกปุ่ม OK
2. ที่กรอบด้านขวาคลิกเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced
3. ที่กรอบด้านขวาดับเบิ้ลคลิกบนคีย์ย่อยชื่อว่า TaskbarGroupSize
4. แก้ไขตัวเลข ซึ่งหมายถึงจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้ Windows XP เริ่มจับกลุ่มได้ตามต้องการ
5. คลิกปุ่ม OK ปิดโปรแกรม Registry Editor แล้วรีสตาร์ทเครื่อง เป็นอันเรียบร้อย
หมายเหตุ: ในกรณีที่ไม่พบคีย์ย่อยชื่อว่า TaskbarGroupSize คุณสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ โดยในกรอบด้านขวา คลิกขวาเลือกคำสั่ง New -> DWORD Value กำหนดชื่อ TaskbarGroupSize ดับเบิ้ลคลิกบนคีย์ย่อยนี้ ไดอะล็อกบ๊อกซ์ Edit DWORD Value จะปรากฎขึ้นมา กำหนด Base เป็น decimal (เลขฐานสิบ) ในช่องข้อความ Value data: พิมพ์ตัวเลขจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้ Windows เริ่มจับกลุ่มบนทาสก์บาร์ เช่น ถ้าใส่ 2 ก็หมายความว่า ตั้งแต่หน้าต่างที่สองของโปรแกรม ปุ่มเรียกบนทาสก์บาร์จะถูกรวมกลุ่มเป็นปุ่มเดียวทันที .....

เบิร์นแผ่นแบบ Multisession ทำได้อย่างไร?
อยากทราบว่า เวลาใช้โปรแกรม Nero Burning Rom เขียนแผ่นซีดีก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมเห็นตัวเลือกก่อนที่จะเขียนซีดีว่า Multisession ซึ่งจะมีอยู่ 3 แบบ อยากทราบว่ามันต่างกันอย่างไร?
สำหรับ Multisession นั้นจะเป็นตัวเลือกสำหรับการเขียนซีดีแบบต่อเนื่องครับ ซึ่งในอดีตนั้นจะไม่มีตัวเลือกนี้อยู่ในโปรแกรมเขียนซีดีครับ แต่โปรแกรมสำหรับเขียนซีดีรุ่นใหม่ๆจะมีส่วน Multisession เพิ่มเข้ามา เพื่อประโยชน์ในการใช้ซีดีให้มากที่สุดครับ ส่วนตัวอย่างของ Multisession นั้น เช่น การเขียนซีดีครั้งแรกนั้นเขียนข้อมูลขนาด 350 เมกะไบต์ บนแผ่นซีดีขนาด 700 เมกะไบต์ แล้วสามารถนำแผ่นซีดีแผ่นเดิมนี้มาเขียนเพิ่มจนเต็มความจุได้ในภายหลังครับ
แต่อย่างไรก็ดีจะไม่สามารถใช้พิ้นที่ๆเหลือได้ครบทุกส่วนเพราะพิ้นที่บางส่วนจะถูกกันเอาไว้สำหรับการเชื่อมต่อของการทำงาน Multisession
สรุปก็คือถ้าเขียนแผ่นในจำนวนมากครั้งเท่าใดพื้นที่ก็จะลดลงมากตามนั้นครับ
ส่วนความแตกต่างของ Start Multisession disc, Continue Multisession disc และ No Multisession มีดังนี้
- Start Multisession disc เป็นการเริ่มต้นทำ Multisession สำหรับการเขียนครั้งแรก
- Continue Multisession disc เป็นการเขียนแผ่นที่เคยทำ Multisession ต่อจากครั้งก่อนหน้านี้
- No Multisession เป็นการเขียนแผ่นแบบครั้งเดียวจบ ไม่สามารถนำแผ่นมาเขียนต่อได้ .....

วิธีการทำงานของเมล์แบบ POP3
POP3 จะมีหลักหารทั่วไปคล้าย ๆ กับหลักการรับและส่งของระบบไปรษณีย์ในปัจจุบัน คือในทันทีที่มีจดหมายมา ส่งที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง (โดยทั่วไปคือ Mail server ของ ISP หรือ องค์กรต่างๆ) จดหมายฉบับนั้นก็จะค้าง อยู่ที่ ๆ ทำการฯ ไปจนกว่าจะมีคนมาติดต่อขอรับมัน ด้วยวิธีการนี้ภาระของผู้ส่งจดหมายจะสิ้นสุกเมื่อจดหมายถึง ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทาง(ซึ่งก็เปรียบเสมือนโฮสต์ที่ทำหน้าที่เก็บจดหมายของผู้ใช้ปลายทาง) POP3 จะเป็น Protocol แบบดึง (Pull Protocol) เมื่อใดก็ตามที่เครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ใช้บรอการ (Client) มีความต้องการที่จะ ตรวจสอบข้อความ มันจะทำการเชื่อมต่อไปยัง เมล เซอเวอร์ และจะใช้ POP เพื่อ Login เข้าไปยังตู้รับจดหมาย (Mailbox) แล้วดึงจดหมายนั้นมาไว้ในเครื่องเรา POP จะเป็นหารบริการที่เหมาะสมสำหรับคอมพิวเตอร์ที่ต้อง การติดต่อเข้าอินเทอร์เน็ตทางโทรศัพท์ เพราะว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราจะรับ E-mail ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อม ต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา .....

วิธีการทำงานของเมล์แบบ SMTP
วิธีการนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้กันบน Unix ซึ่ง เป็น โปรโต้คอลที่อาศัยวิธีการส่งจดหมายเป็นทอด ๆ ระหว่างโฮสต์ ต่อ ๆ กัน จนกว่าจะไปถึงโฮสปลายทาง สรุปคือ วิธีการนี้เป็นวิธีเก่า ถ้าไม่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ รับเอาไว ้ตลอดเวลาก็จะไม่สามารถรับ จดหมายได้ และในปัจจุบันเครื่อง PC ส่วนบุคคลทั้งหลายก็ไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติ การ UNIX และระบบปฏิบัติการที่ใช้ก็ไม่รองรับไฟล์ในระบบ Unix นั่นก็หมายความว่า หากใช้เครื่อง PC ถึง จะเปิดเครื่องไว้ เครื่องนั้นก็ไม่สามารถใช้ไฟล์นั้นได้อยู่ดี ระบบนี้จึงเป็นระบบเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เท่าใดนัก .....

วิธีการทำงานของเมล์แบบ IMAP วิธีการทำงานของเมล์แบบ IMAP
เป็น Protocol ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับ POP3 แต่จะแก้ปัญหาของ POP3 ได้ดีขึ้นคือ POPจะมีวิธีการทำงานในลักษณะ "เก็บและส่งต่อ" (store-and-forward) ดังนั้นกระบวนการจัดการจดหมายต่างๆจึงยังไม่ดีมากพอ IMAP จะแตกต่าง จาก POP ในเรื่องของการตรวจสอบเมล์ ซึ่ง IMAP จะสามารถตรวจสอบเมล์ได้ 3 แบบคือ
1.offline access คือดึงเมล์ ทั้งหมดมาเก็บไว้ที่เครื่องเราและ ลบเมล์ออกจากเครื่อง server (ซึ่ง POP3 จะตรวจสอบด้วยวิธีนี้ และการใช้โปรแกรมดึงอีเมล์ (E-mail Client ) บางตัวเราสามารถสั่งให้เก็บจดหมายที่เราอ่านแล้วไว้ที่เครื่อง server ได้
2.Online-access อ่านเมล์แบบออนไลน์โดยใช้เครื่องเราเป็นตัวอ่านเมล์ ส่วนตัวจดหมายก็อยู่ที่ server
3. Disconnected access คือการผสมระหว่าง 2 วิธีแรกคือ เราสามารถเลือกเมล์ที่ต้องการนำมาเก็บเครื่องเราก่อน ได้ โดยไม่ต้องดาวโหลดมาทั้งหมด ที่สำคัญเราสามารถรู้ได้ว่าเราได้มีการลบเมล์ไปเท่าไหร่แล้ว โดย IMAP จะสามารถจดจำเอาไว้ได้ว่าเราได้ลบเมล์ฉบับไหนออกไปเมื่อมีการติดต่อกับ เซอร์เวอร์ในครั้งถัดไปจำนวน เมล์ในเครื่องเรากับเครื่องเซอร์เวอร์จะถูกปรับให้เข้ากันได้โดยอัติโนมัติ(คือการทำ Synchronized) ด้วยเทคนิค นี้ทำให้เราสามารถตรวจสอบเมล์ได้จากคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องโดยไม่สับสน(ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องจากที่บ้าน ที่ทำงาน หรือ โน๊ตบุค ก็จะให้ผลเหมือนกันซึ่งจะต่างจาก POP ที่ทำให้สับสนเมื่อตรวจเมล์จากหลายๆเครื่อง) ซึ่งเราสามารถสรุปจุดเด่นของ IMAP ได้ดังนี้
1. IMAP สามารถให้บริการในรูปแบบ remote ได้ดีกว่า (คือการควบคุมการใช้เมล์จากเครื่องเราไปยัง Server ) เช่น อ่านเมลล์แบบออนไลน์ แยกเมล์กับส่วนประกอบเอกสาร (Attachment)ออกจากกันได้ เราสามารถเลือกดาวน์โหลดจดหมายมาเก็บไว้เครื่องเรา โดยทิ้งส่วนประกอบเอกสารไว้ที่ Server เพื่อดาวโหลดในภายหลังหรือยามว่าง
2. IMAP สนับสนุนโฟลเดอร์แบบลำดับชั้นและสามารถแบ่งโฟลเดอร์ให้ใช้งานร่วมกันได้(folder hierarchies and folder sharing) ในขณะที่ POP ไม่สามรถทำได้
3. IMAP อนุญาตให้ทำการค้นหาจดหมายหรือบางส่วนของจดหมาย รวมทั้งเลือกจดหมายที่ต้องการจะนำมาเก็บ ไว้ที่เครื่องเราได้ (การค้นหานี้จะทำโดย server ไม่ใช่ Client) แต่ถึงยังไงก็แล้วแต่ IMAP protocol ก็ยังไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบันโดยนักเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหลายยังคงใช้ POP กันอยู่เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ดังนี้
1. POP3 นั้นได้ติดตั้งอยู่ในโปรแกรมชิอดังที่มีความสามารถลูกเล่นแปลกใหม่ที่ได้รับความนิยมของ user ทั่ว ไปในขณะที่ IMAP นั้นยังไม่ค่อยมีโปรแกรมที่พัฒนามากนัก
2. การใช้ IMAP นั้น จะต้องใช้ทรัพยากรของเครื่อง Server มากขึ้นทำให้เครื่องที่เป็น server ต้องทำงานหนักขึ้น อย่างมากจึงต้องเสียค่าบริการราคาแพง แต่ POP นั้นมีให้บริการฟรีทั่วไปในโลก Cyber space
3. IMAP นั้นจะต้องใช้เวลาในการติดต่อนานกว่า เนื่องจากมีกิจกรรมที่จะต้องส่งข้อมูลระหว่าง Client กับ server เพื่อปรับเปลี่ยนข้อมูลให้ตรงกันซึ่งต่างกับ POP คือดึงข้อมูลมาแล้วก็หมดหน้าที่ .....

รู้จักกับ USB 2.0
คำศัพท์คอมพิวเตอร์ที่ทุกคนที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ต้องพบเจอในการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้การเชื่อมต่อ โอนถ่ายข้อมูล จะต้องได้ยินคำว่า USB อย่างแน่นอน แต่ถ้าแยกออกไปจะเป็น USB 1.1 และ USB 2.0 จนหลายๆ คนอาจจะงงว่ามันคืออะไร 1.1 กับ 2.0 วันนี้จะพาท่านมารู้จักกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ USB กัน
รู้จักกับ USB กันก่อน
ในการเชื่อมต่อสมัยก่อนนั้นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าจะมีพอร์ต serial คือพอร์ตพวกต่อจอยสติ๊กเพื่อเล่นเกม พอร์ต parallel ที่ใช้กับพรินเตอร์รุ่นเก่า สำหรับการเชื่อมต่อแบบ USB นั้นกำเนิดขึ้นมาเพื่อรองรับและสนับสนุนการเชื่อมต่อหลายรูปแบบ เนื่องจากมีอุปกรณ์จำนวนมากทั้งเครื่องพิมพ์ กล้องดิจิตอล ฮาร์ดดิสก์แบบต่อภายนอก ที่ต้องใช้การต่อเชื่อม จึงมีการคิดค้นรูปแบบพอร์ตเชื่อมต่อที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ช่องขนาดเดียวกัน คือลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบนๆ ดังนั้นอุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้พอร์ตนี้จึงสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องได้อย่างไม่มีปัญหา สำหรับในเรื่องความเร็วนั้น USB 1.1 ได้รับการพัฒนามาหลายปีแล้ว โดยคำว่า USB มาจากคำว่า Universal Serial Bus ซึ่งได้รับการพัฒนาให้เป็นรูปแบบมาตรฐานการเชื่อมต่อ ที่ส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็วกว่าแบบ serial และแบบ parallel นอกจากนี้สังเกตได้ว่าเม้าส์และคีย์บอร์ด ปกติจะเป็นแบบ PS/2 แต่ปัจจุบันนิยมหัวต่อแบบ USB กันมากขึ้น โดยเทคโนโลยี USB ได้รับการพัฒนาโดยCompaq, DEC, IBM, Intel, Microsoft, NEC และ Northern Telecom โดยมีเป้าหมายสร้างมาตรฐานการเชื่อมต่อความเร็วสูงและใช้ทดแทนพอร์ต serial และ parallel ที่ใช้กันอย่างจำกัด เนื่องจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งมีพอร์ต serial ให้ 2 พอร์ต parallel 1 พอร์ต การใช้งานกับอุปกรณ์หลายๆอย่างก็ต้องมาพ่วงกันให้วุ่นวาย ปัจจุบ้นมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์ให้ความสนใจและนิยมเลือกใช้การเชื่อมต่อแบบ USB กันมากขึ้น แพร่หลายๆมาก เรียกได้ว่าตอนนี้คอมพิวเตอรฺ์เครื่องหนึ่งมีพอร์ต USB ให้ 4 – 6 พอร์ต และยังเชื่อมต่อกับพอร์ตหน้าเคสได้อีก นอกจากนี้อุปกรณ์พ่วง USB Hub ยังได้รับความนิยมเนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อแพร่หลายมากขึ้น ทั้งกล้องดิจิตอล Infrared Bluetooth USB Flash Drive ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
ว่ากันด้วยเรื่องของความเร็ว
เมื่อเรารู้จักกับ USB แล้วเรามารู้จักกับความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลกันบ้าง สำหรับ USB 1.1 จะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ช้าไม่ทันใจหากต้องโอนถ่ายข้อมูลครั้งละมากๆ ทำให้ใช้เวลานานในการรอคอยโอนข้อมูล ดังนั้นมาตรฐานในปัจจุบันที่ใช้ในการโอนถ่ายข้อมูล หลายๆคนจะมองหา USB 2.0 ที่มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงกว่า ใช้เวลาในการโอนถ่ายข้อมูลน้อยกว่า
ทางด้านความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล USB 1.1 จะมีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 12Mbits ต่อวินาทีแต่ความเร็วนี้ก็ยังไม่ถือว่าเร็วมากจนเรียกได้ว่า Hi-Speed เนื่องจากความเร็วในขั้น Hi-Speed USB จะมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 480Mbits ต่อวินาที
สำหรับความเร็วของ USB 2.0 จะมีความเร็วอยู่ที่ 480Mbits ต่อวินาที ดังนั้นเมื่อคุณเห็นคำว่า 'Hi-Speed USB2.0' และใช้งานกับเมนบอร์ดที่รองรับ USB 2.0 การโอนถ่ายข้อมูลของคุณจึงเป็นเรื่องง่ายๆ โอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็ว สะดวกในการติดตั้ง และเป็นมาตรฐานเดียวกัน
ประโยชน์ของ USB
ข้อดีในการใช้งาน USB คือเรื่องความง่ายในการใช้งาน (plug and play) แค่เสียบอุปกรณ์ในช่อง USB ใน Windows XP ก็สามารถใช้งานได้ทันที สำหรับ Windows รุ่นก่อนๆ อย่าง Windows 98/MEจะต้องติดตั้ง Driver เพื่อให้สามารถใช้งาน USB ได้ ด้วยการเชื่อมต่อแบบ USB ให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลาย โดยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB ได้มากถึง 100 ชิ้นเลยทีเดียว.....

รู้จักกับไฟล์ในรูปแบบ MP3, WAV, WMA และ AAC
รูปแบบไฟล์ MP3 มาตรฐานการบีบอัด MPEG audio (MPEG-1 และ MPEG 2/Audio Layer III) ได้รับการพัฒนาจาก Motion Picture Experts Group (ซึ่งเรียกกันว่า MPEG) คำว่า MP3 ที่เรารู้จักเป็นมาตรฐานที่เรียกกันสั้นๆ โดยเป็นกระบวนการบีบอัดเสียงในแบบดิจิตอลเพื่อให้มีขนาดเล็กลง สามารถจุเพลงได้มากขึ้น
รูปแบบไฟล์เพลงบนแผ่นซีดีจะเป็นในรูปแบบ .WAV โดยจะมีขนาดไฟล์ประมาณ 30-50 MB ต่อเพลง (ความยาว 3 – 5 นาที) ด้วยการลดค่า bit-rate ในการบีบอัดไฟล์เพลงในรูปแบบ MP3 ให้คุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับซีดี โดยมีขนาดไฟลฺ์ที่เล็กกว่าต้นฉบับถึง 10 เท่า ซึ่งเมื่อแปลงเป็นเพลงจากซีดีอยู่ในรูปแบบ MP3 จากเดิมที่ใช้เนื้อที่มากถึง 30-50 MB ต่อเพลง เหลือเพียง 3 – 5 MB ต่อเพลงเท่านั้น
ดังนั้นไฟล์ในรูปแบบ .WAV มีคุณภาพเสียงที่ 44 KHz (มาตรฐานของ CD audio) เมื่อบีบอัดจะมีขนาดเล็กลงเหลือเพียง 3MB เท่านั้น เมื่อเทียบกันแล้วไฟล์เพลงความยาว 1 นาที ใช้เนื้อที่เพียง 1 MB เท่านั้น (ที่คุณภาพเสียง 128kbps)
จุดเปลี่ยนของประสบการณ์ใหม่บนโลกแห่งความบันเทิง
เรามารู้จักไฟล์เพลงในรูปแบบต่าง ๆ กัน
MP3 ได้รับความนิยมเนื่องจากขนาดไฟล์ที่เล็ก ถ่ายโอนได้ง่าย ดังนั้นสื่ออินเตอร์เน็ตจึงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมในการแพร่กระจายเพลงในรูปแบบ MP3 โดยเพลงในรูปแบบนี้ใช้เนื้อที่ในการเก็บน้อย ทำให้จุเพลงได้มาก นอกจากนี้ยังมีไฟล์รูปแบบอื่นๆอีกเช่น
WAV เกิดจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาของ Microsoft และ IBM ที่พยายามผลักดันให้เป็นมาตรฐานไฟล์เพลงบนพีซี โดยเพลงจากแผ่นซีดี สามารถแปลงเป็นไฟล์ในรูปแบบ WAV และยังสามารถนำไปแปลงต่อเป็น MP3 หรือ WMA ได้อีกด้วย
WMA มาตรฐานนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Windows Media Audio รูปแบบการบีบอัดที่ใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการสนับสนุนจากไมโครซอฟต์ที่พยายามผลักดันและสร้างรูปแบบไฟล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของไมโครซอฟต์ขึ้นมา โดยมีคุณภาพใกล้เคียง MP3 แต่มีขนาดที่เล็กกว่าถึง 50 เปอร์เซ็นต์
AAC มาจาก Advanced Audio CODEC รูปแบบไฟล์บีบอัดอีกรูปแบบหนึ่งที่นับวันจะได้รับการยอมรับ และจะเป็นรูปแบบไฟล์แห่งอนาคต โดยมีคุณภาพเสียงที่ดีกว่า MP3 แต่มีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า มี bit-rates ต่ำกว่า
สำหรับไฟล์ AAC ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดย MPEG group ซึ่งรวมไปถึง Dolby, Fraunhofer (FhG), AT&T, Sony, และ Nokia จะเห็นได้ว่ามีทั้ง Sony และ Nokia เข้าร่วมด้วย ดังนั้นไฟล์นี้ยังมีอนาคตไกลเพราะสามารถนำมาเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ หรือฟังจากมือถือก็ได้ สำหรับบริษัทต่างๆที่ร่วมกันพัฒนานี้เคยพัฒนารูปแบบไฟล์ MP3 และ AC3 (หรือที่รู้จักกันในนาม Dolby Digital)
RealAudio – ชื่อนี้ไม่มีใครไม่รู้จักกับยักษ์ใหญ่แห่งวงการวิทยุออนไลน์ RealNetworks รูปแบบไฟล์เพลง RealAudio G2 นับว่าเป็นรูปแบบการบีบอัดภาพและเสียง สำหรับการเล่นภาพและเสียงออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบบ streaming
OGG – หลังๆนี่หลายคนอาจสงสัยว่าไฟล์แบบ OGG เป็นยังไง เมื่อก่อนหากจะเล่นกับ Winamp รุ่นก่อนๆ ต้องติดตั้งปลั๊กอินด้วยเพื่อให้รับฟังเพลงแบบ OGG ได้ สำหรับรูปแบบ OGG นี้มาจากเทคโนโลยี Ogg Vorbis ซึ่งเป็นรูปแบบการบีบอัดแบบใหม่ เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีแบบเปิด ที่ให้อิสระในการเข้ารหัส การแปลง เมื่อเทียบกับรูปแบบอื่นเช่น MP3, VQF, AAC และรูปแบบไฟล์เพลงแบบอื่นๆ จะแตกต่างกัน ชื่อไฟล์เพลงในรูปแบบ Ogg มาจากเทคโนโลยีของ Xiph.org ซึ่งรวมเอาข้อมูลเสียง ภาพ และข้อมูลอื่นๆไว้ด้วยกัน ส่วนคำว่า Vorbis มาจากรูปแบบที่ได้รับการออกแบบการบีบอัดแบบ Ogg ในไทยนั้น มีไฟล์แบบ OGG ให้เห็นกันบ้าง แต่ยังไม่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักมากนัก
สำหรับไฟล์อีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักคือ ASF ที่ได้รับการพัฒนาโดยย Liquid Audio และ Audible.com
จะเห็นได้ว่าปัจจุบันไฟล์ในรูปแบบ MP3 ได้รับความนิยมจากคนทั่วไป และเชื่อมโยงไปยังธุกิจคอมพิวเตอร์ในด้านความบันเทิงผ่านซอฟต์แวร์เล่นเพลง MP3 ชื่อดังอย่าง Windows Media Player Music Match Jukebox และ Winamp ส่วนอุปกรณ์เล่นเพลงดิจิตอลแบบพกพาก็ได้รับควานิยมมากกว่ารูปแบบการฟังจากแผ่นซีดีทั่วไป
เพลงในรูปแบบ MP3 เป็นไฟล์ที่ได้รับการบีบอัด ดังนั้นจากการบีบอัด คุณภาพเสียงที่ดี ย่อมใช้เนื้อที่ในการเก็บข้อมูลที่มากขึ้นด้วย จะเห็นได้ว่าซีดีเพลงจะเก็บเพลงได้ประมาณ 15 – 20 เพลงเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับไฟล์ในรูปแบบ MP3 แล้ว สามารถเก็บเพลงได้มากถึง 200 เพลงเลยทีเดียว ไฟล์เพลงในรูปแบบ MP3 ได้รับการบีบอัดในคุณภาพเสียงที่ดี (128 kb/s) ทำให้ใช้เนื้อที่ในการเก็บเพลงน้อยกว่าซีดีถึง 10 เท่า นั่นหมายความว่า ไฟล์ในรูปแบบ MP3 ใช้เนื้อที่ในการเก็บน้อยกว่า แต่ยังคงคุณภาพเสียงที่ดีอยู่ หากเทียบกันแล้ว เมื่อนำซีดีมาแปลงในรูปแบบของ WAV เพลงความยาว 4 นาที ใช้เนื้อที่เก็บเพลงประมาณ 40 MB ส่วนเพลง ในรูปแบบ MP3 เพลงเดียวกัน ใช้เนื้อที่เก็บเพียง 4 MB เท่านั้น จะเห็นได้ว่าเพลงในรูปแบบ MP3 ช่วยประหยัดเนื้อที่ในการเก็บเพลงได้มาก จึงนำมาใช้กับเครื่องเล่นแบบพกพาที่สามารถบรรจุเพลงได้มากๆ ตามขนาดหน่วยความจำ โดยคุณภาพเสียงยังอยู่ในระดับที่ดี ใกล้เคียงกับซีดี
สำหรับการแปลงเพลงในรูปแบบ MP3 การเข้ารหัสหมายถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไฟล์เสียงเป็นไฟล์ในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยรูปแบบเสียงที่แปลงจะเป็นไฟล์ในรูปแบบ mp3 ได้แก่ เครื่องเล่นซีดี CD เครื่องเล่นเทปคาสเซต เครื่องเล่นคอมโปเน้นต์ เสียงที่บันทึกจากโทรทัศน์ หรืออุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ
ในการอ่านรายละเอียดของเครื่องเล่น MP3 บางท่านอาจเห็นคำว่า Firmware Upgrade อธิบายง่ายๆ คล้ายๆกับมือถือ หากซื้อมาจะมี Firmware คล้ายๆกับ Software ที่รันบนระบบปฏิบัติการ เหมือนๆกับ Windows หากมี Firmware ออกใหม่ เช่น เมนูไทย อ่านเนื้อเพลงภาษาไทยได้ อ่านชื่อเพลงไทยได้ อัพเกรดแล้วมีลูกเล่นเพิ้มขึ้น หรือเครื่องค้างบ่อย (เหมือนๆกับคอมพิวเตอร์) ก็อัพเกรด Firmware ช่วยแก้ปัญหาได้ คล้ายๆกับการ update BIOS ของคอมพิวเตอร์นั่นเอง ดังนั้น Firmware เป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ ซึ่งอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคส์สมัยนี้จะมีทั้งนั้น เช่นโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล โมเด็ม เช่น 33.6 เป็น 56k หรือการอัพเกรดซีดีรอมไดร์วให้มีความเร็วสูงขึ้น ดังนั้นหากมี firmware ออกใหม่ จะทำให้เครื่องเล่นของท่านมีความสามารถ มีลูกเล่นใหม่ๆ แก้ปัญหาเครื่องค้าง แก้ปัญหาบั๊กต่างๆ (คล้ายๆกับการติดตั้ง service pack หรือ Patch ของ Windows XP) โดยเราจะเรียกว่า Firmware upgrade โดยท่านสามารถดาว์นโหลดได้จากเวปไซต์ผู้ผลิตเครื่องเล่นเอ็มพีสาม
หลายๆคนอาจสงสัยว่า เวลาอ่านสเปคเครื่องเล่น MP3 หรือแม้แต่โปรแกรม Winamp คำว่า ID3 tag ติดอยู่ในหัวเพราะสงสัยว่ามันคืออะไร ยกตัวอย่างง่ายๆคือการบอกรายละเอียดเพลง ชื่อเพลง ชื่อนักร้อง วง ค่าย สังกัด แนวเพลง ปีที่ออกอัลบัม ลำดับแทรคเพลง เพื่ออะไรนะเหรอ ไม่ใช่เพื่อบอกว่าเพลงของใคร นักร้องคนใด แต่เป็นเหมือนลายเซ็นต์หรือเป็นการบ่งบอก แจ้ง ประกาศลิขสิทธิ์เพลง ว่าค่ายนี้ นักร้องคนนี้ สังกัดนี้ เพื่อให้ทราบว่าเพลงมีลิขสิทธิถูกต้อง Copyright โดยใช้โปรแกรม "Studio3" จาก Eric Kemp alias NamkraD ปี 1996 ใส่รายละเอียดต่าง ๆ เข้าไปในเพลงเพื่อเป็นข้อมูลของเพลงและประกาศลิขสิทธิ
ในการใส่รายละเอียดของ tag จะแทนรายละเอียดเป็นข้อมูลที่เครื่องเล่นสามารถอ่านได้ตามตาราง โดยขนาดของ tag จะมีขนาดประมาณ 128 bytes ในการอ่านข้อมูล tag จะบอกรายละเอียดดังนี้
Song title 30 characters
Artist 30 characters
Album 30 characters
Year 4 characters
Comment 30 characters
Genre 1 byte
หากเครื่องเล่นของท่านมีคุณสมบัติในการอ่านไฟล์ ID3 tag ตัวเครื่องจะอ่านข้อมูล tag ขนาด 128 Bytes หากรวมข้อมูลจากตาราง 30+30+30+4+30+1 เท่ากับ 125 bytes ไม่ถึง 128 bytes เนื่องจากไฟล์ขนาด 3 bytes จะอยู่ตอนต้นของ tag ก่อนข้อมูล song title โดยเครื่องจะอ่าน "TAG" จากไฟล์ 3 bytes ให้พบก่อน แล้วจึงแสดงข้อมูลดังตารางในรูปแบบ ID3 tag เข้าใจง่ายๆคือเป็นการแสดงรายละเอียดของเพลง แต่สำหรับเพลงไทยที่แปลงมาจากซีดีหรือซีดีที่ละเมิดลิขสิทธิจะไม่มีรายละเอียดแสดง แต่หากเป็นเพลงสากลหรือเพลงที่บันทึกในห้องอัดคุณภาพดีๆ จะมีรายละเอียดของเพลงครบถ้วน .....

สร้างแผ่นอัพเดตวินโดว์ด้วยตัวเอง!
แม้การอัพเดตวินโดว์ด้วยแพตช์ล่าสุดเป็นประจำ จะทำให้คุณปลอดภัยจากเวิร์มส่วนใหญ่ แต่ไฟล์อัพเดตจากไมโครซอฟท์ก็ไม่ใช่ขนาดเล็กๆ ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแบบ Dial-Up
(โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้อัพเดตวินโดว์เป็นเวลานาน) จึงไม่ค่อยอยากเสียเวลาดาวน์โหลด
วันนี้เรามีวิธีสร้างแผ่นซีดีอัพเดตได้ ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักของเว็บไซต์ Windows Update คุณสามารถเลือกดาวน์โหลดและติดตั้งอัพเดตเฉพาะชุดที่ต้องการ
แถมยังเผื่อแผ่ซีดีนี้แก่เพื่อนฝูง ที่ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วต่ำได้อีกด้วย
เมื่อคุณพร้อมแล้ว ขั้นแรกให้เปิดเว็บเพจ Windows Update Catalog โดยเข้าไปที่
http://v4.windowsupdate.microsoft.com/catalog แล้วคลิกที่ Find updates for Microsoft Windows operating systems
คุณจะมองเห็นหน้าต่างแสดงรายการของวินโดว์เวอร์ชันต่างๆขึ้นมา ลองหาเวอร์ชันที่ต้องการ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกไม่ผิดเวอร์ชัน พอเลือกระบบปฏิบัติการและภาษาเรียบร้อย ให้คลิกที่ Search
ในรายการของอัพเดตจะแบ่งย่อยออกเป็นหมวดหมู่ โดยคลิกเลือกหมวดที่สำคัญที่สุด ได้แก่ Critical Updates and Service Packs ให้คลิก Add เลือกรายการที่ต้องการ โดยคุณไม่จำเป็นต้องเลือกหมดทุกอย่าง เพราะว่าอัพเดตบางอย่างไม่จำเป็นสำหรับคุณ ควรจะอ่านรายระเอียดให้ดี
เมื่อพอใจแล้วให้คลิกที่ Go to Download Basket แล้วคลิก Browse เพื่อเลือกตำแหน่งที่ต้องการเซฟไฟล์ แล้วคลิก Download Now เพื่อเริ่มต้นดาวน์โหลดหลังจากที่คุณยอมรับข้อตกลงต่างๆทางกฎหมายแล้ว แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม การติดตั้งซีดีอัพเดตแค่ทุก 2-3 เดือน คงไม่ช่วยให้คุณปลอดภัยขึ้นเท่าไร คุณควรให้ความสนใจกับการอัพเดตวินโดวส์ให้มาก โดยอีนาเบิลคุณสมบัติ Windows Update เพื่อให้วินโดวส์ของคุณสดใหม่อยู่เสมอ และการดาวน์โหลดแพชต์ขนาดใหญ่ครั้งต่อไปก็จะไม่ทำให้คุณหนักใจอีกต่อไป .....

ป้องกันมือดีแอบชัตดาวน์
วินทิปครั้งนี้จะเป็นการแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้ใครก็ตามสามารถชัตดาวน์พีซีของคุณได้ด้วยวิธีปกติทั่วไป ซึ่งคุณอาจจะประยุกต์ทิปนี้กับคอมพิวเตอร์ที่ใช้แสดงผลงานต่างๆ เพื่อป้องกันมือบอนมาปิดเครื่อง อยากทราบเคล็ดลับก็คลิกเข้าไปอ่านได้เลยครับ
งานนี้ต้องอาศัยพระเอกอย่าง Registry Editor เหมือนเดิม ซึ่งด้วยขั้นตอนแก้ไขง่ายๆ ต่อไปนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องการชัตดาวน์พีซีจะต้องไปเปิดโปรแกรม task manager ก่อน สำหรับขั้นตอนแรกให้เปิดโปรแกรม Registry Editor (คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run หรือกดปุ่ม Windows + R พิมพ์คำสั่ง regedit คลิกปุ่ม OK) จากนั้นคลิกเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer\
ในกรอบด้านขวา คลิกขวาบนพื้นที่ว่างเลือกคำสั่ง New\DWORD Value ตั้งชื่อ NoClose พร้อมทั้งกำหนดให้มีค่าเป็น 1 เสร็จแล้ว ปิดโปรแกรม Registry Editor แล้วรีสตาร์ท Windows เพื่อให้ผลของการแก้ไขรีจิสทรีทำงาน สำหรับการแก้ไขให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ก็เพียงแค่ลบค่า NoClose ออกไปจากรีจิสทรี ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมครับ .....

ป้องกันการเขียนข้อมูลลงธัมบ์ไดรฟ์ (SP2)
หลายท่านทราบดีว่า Windows XP กับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลยอดฮิตที่มีอินเตอร์เฟซเป็น USB สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย แต่ในความง่ายมันก็มาแฝงความไม่ปลอดภัยสำหรับข้อมูลของคอมพิวเตอร์ในธุรกิจ หรือตามบ้านด้วย สำหรับผู้ใช้ SP2 คุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้
สำหรับผู้ใช้ที่รู้สึกกังวลว่า ข้อมูลในคอมพิวเตอร์จะถูกใครแอบเอาธัมบ์ไดรฟ์มาเสียบ แล้วขโมยข้อมูลออกไป หากคุณใช้ Windows XP SP2 อยู่ในขณะนี้ WinTip ขอแนะนำคุณสมบัติการทำงานที่จะช่วยคุณแก้ปัญหานี้ได้ โดยมันจะทำอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล USB ถูกอ่านได้เพียงอย่างเดียว นั่นหมายความว่า ไม่มีใครสามารถถ่ายโอน หรือก็อปปี้ข้อมูลจากเครื่องของคุณเข้าไปในธัมบ์ไดรฟ์พวกนี้ได้นั่นเอง
ในการทำให้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล USB อ่านได้เพียงอย่างเดียว ให้เข้าไปแก้ไขรีจิสทรี โดยเปิดโปรแกรม Registry Editor (คลิกปุ่ม Start เลือกคำสั่ง Run พิมพ์ regedit แล้วกดปุ่ม Enter) แล้วคลิกเข้าไปที่
HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\Current ControlSet\Control key
คลิกเลือกคีย์ย่อย “StorageDevicePolicies” ถ้าไม่มีคีย์ย่อยดังกล่าว คุณก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ โดยคลิกขวาบน Control key เลือกคำสั่ง New\Key กำหนดชื่อคีย์ที่สร้างขึ้นเป็น "StorageDevicePolicies" จากนั้นคลิกขวาบนคีย์ย่อยนี้ เลือกคำสั่ง New\Dword Value สังเกตว่ามันจะมีค่าใหม่ปรากฏขึ้นทางขวามือ ตั้งชื่อให้เป็น WriteProtect ดับเบิ้ลคลิก แล้วกำหนดค่าให้มันใหม่เป็น 1 ออกจากโปรแกรม Registry Editor แล้วรีสตาร์ทเครื่อง แค่นี้ก็ไม่มีใครสามารถ่ายโอน หรือก็อปปี้ข้อมูลออกไปจากเครื่องของคุณผ่านทางธัมบ์ไดรฟ์ได้แล้ว .....

ลดขนาดถังขยะ-เพิ่มพื้นที่ฮาร์ดดิสก์
กติ ถังขยะ (recycle bin) ของ Windows XP จะมีการกันพื้นที่ของแต่ละพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ไว้ 10-12% เพื่อเก็บไฟล์ที่ผู้ใช้ลบแล้ว แต่ถ้าคุณไม่ค่อยได้ลบไฟล์เยอะแยะมากมาย แถมยังคอยทำความสะอาดถังขยะบ่อยๆ การลดขนาดของถังขยะ เพื่อแลกกับพื้นที่ฮาร์ดดิสก์น่าจะคุ้มกว่านะครับ
สำหรับการลดขนาดของถังขยะสามารถทำได้ง่ายมาก เพียงแค่คลิกขวาบนไอคอน recycle bin เลือกคำสั่ง properties ภายในไดอะล็อกบ๊อกซ์ ซึ่งจะสังเกตเห็นแท็บของพาร์ติชันต่างๆ (c:, d:, etc.) ของฮาร์ดดิสก์ ปกติที่ดีฟอลต์จะเปิดแท็บ Global ใช้กำหนดเงื่อนไขสำหรับขนาดของถังขยะให้กับทุกพาร์ติชันด้วย % ที่เท่ากันหมด ซึ่งคุณสามารถแก้ไขขนาดของพื้นที่สำรองสำหรับถังขยะที่นี่ที่เดียว เพื่อใช้กับทุกพาร์ติชันได้
แต่ถ้าต้องการกำหนดขนาดถังขยะให้กับแต่ละพาร์ติชันอิสระจากัน ให้คลิกเลือกหัวข้อ Configure drives independently จากนั้น คลิกเลือกแท็บของพาร์ติชันที่ต้องการปรับลดขนาดของถังขยะ เลื่อนไสลด์กำหนดขนาดของถังขยะไปทางซ้าย เพื่อลด % การใช้พื้นที่ลง สังเกตที่ด้านบนจะแสดงขนาดของพื้นที่สำรองสำหรับถังขยะให้ทราบตลอดเวลา ปรับลดจนพอใจ คลิกปุ่ม OK เพียงแค่นี้คุณก็อาจจะได้พื้นที่ว่างในฮาร์ดดิสก์กลับมา1- 2 กิกะไบต์เลยทีเดียว .....

ปรับแต่งจำนวนกรุ๊ปโปรแกมบนทาสก์บาร์ XP
ผู้ใช้ Windows XP น่าจะคุ้นเคยกับฟีเจอร์การจับกลุ่มของหน้าต่างโปรแกรมเดียวกันบนทาสก์บาร์ เพื่อความมสะดวกสบาย และประหยัดพื้นที่ใช้สอย อย่างเช่นเวลาที่เปิด IE หลายๆ หน้าต่างไปเรื่อยๆ มันจะเกิดการรวมกลุ่มโดยแสดงตัวเลขจำนวนหน้าต่างที่เปิดอยู่หน้าชื่อโปรแกรมบนทาสก์บาร์ดังรูป
WinTip ครั้งนี้เราจะมาปรับแต่ง เพื่อกำหนดจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้ Windows XP เริ่มจับกลุ่มหน้าต่างโปรแกรมเหล่านั้นบนทาสก์บาร์ เนื่องจากผู้ใช้บางท่านที่ต้องการความเร็วในการสวิตช์โปรแกรมอาจจะไม่ต้องการให้ Windows XP รวมกลุ่มหน้าต่างเร็วเกินไป ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ด้วยการกำหนดจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้เริ่มจับกลุ่มในรีจิสทรี โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดโปรแกรม Registry Editor (คลิกปุ่ม Start -> Run) พิมพ์คำสั่ง regedit คลิกปุ่ม OK
2. ที่กรอบด้านขวาคลิกเข้าไปที่
HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer\Advanced
3. ที่กรอบด้านขวาดับเบิ้ลคลิกบนคีย์ย่อยชื่อว่า TaskbarGroupSize
4. แก้ไขตัวเลข ซึ่งหมายถึงจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้ Windows XP เริ่มจับกลุ่มได้ตามต้องการ
5. คลิกปุ่ม OK ปิดโปรแกรม Registry Editor แล้วรีสตาร์ทเครื่อง เป็นอันเรียบร้อย
ลองไปทำกันดูนะครับ คำอธิบาย: Smile
หมายเหตุ: ในกรณีที่ไม่พบคีย์ย่อยชื่อว่า TaskbarGroupSize คุณสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ โดยในกรอบด้านขวา คลิกขวาเลือกคำสั่ง New -> DWORD Value กำหนดชื่อ TaskbarGroupSize ดับเบิ้ลคลิกบนคีย์ย่อยนี้ ไดอะล็อกบ๊อกซ์ Edit DWORD Value จะปรากฎขึ้นมา กำหนด Base เป็น decimal (เลขฐานสิบ) ในช่องข้อความ Value data: พิมพ์ตัวเลขจำนวนหน้าต่างที่ต้องการให้ Windows เริ่มจับกลุ่มบนทาสก์บาร์ เช่น ถ้าใส่ 2 ก็หมายความว่า ตั้งแต่หน้าต่างที่สองของโปรแกรม ปุ่มเรียกบนทาสก์บาร์จะถูกรวมกลุ่มเป็นปุ่มเดียวทันที .....

มุมมองแบ่งกลุ่มใน Windows Explorer
การแสดงรายชื่อโปรแกรมต่างๆ โดยแบ่งแยกเป็นกลุ่มให้เห็นชัดเจน ถือเป็นฟีเจอร์ที่ดีมากของ Windows Explorer แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่กลับไม่รู้จัก และไม่เคยใช้มันเลย สำหรับมุมมองที่คุณเห็นจากเครื่องพีซีของเพื่อนคุณ น่าจะเกิดจากการเลือกใช้คุณสมบัติดังกล่าว
สำหรับขั้นตอนการกำหนดมุมมองของ Windows Explorer ให้สามารถเข้าถึงโฟลเดอร์ต่างๆ ที่ต้องการในลักษณะที่แบ่งเป็นกลุ่มตามชนิดแอพพลิเคชัน ขั้นแรกให้คลิกเมนู View เลือกคำสั่ง Arrange Icons by ตามด้วย Show in Groups คราวนี้คุณจะเห็นไฟล์ และโฟลเดอร์ต่างๆ ถูกแยกตามกลุ่มสวยงาม ซึ่งปกติจะเรียงลำดับกลุ่มตามชื่อ (Name) ในกรณีที่คุณต้องการให้แบ่งกลุ่มตามชนิดของไฟล์ข้อมูลให้เลือกมุมมองเป็น Details แล้วคลิกปุ่ม Type ที่อยู่ด้านบน คราวนี้ มุมมองของไฟล์ และโฟลเดอร์ต่างๆ ก็จะแบ่งแยกตามชนิดของมันแล้ว ง่าย และสวยดีนะครับ .....

Router คืออะไร
Router
Router เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่า Bridge โดยทำงานเสมือนเป็นเครื่องหรือ node หนึ่งใน LAN ซึ่งจะทำหน้าที่รับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทาง โดยอาจส่งในรูปแบบของ packet ที่ต่างออกไป เพื่อไปผ่านสายสัญญาณแบบอื่นๆ เช่น สายโทรศัพท์ที่ต่อผ่านโมเด็มก็ได้ ดังนั้นจึงอาจใช้ Router ในการเชื่อมต่อ LAN หลายแบบเข้าด้วยกันผ่าน WAN ได้ด้วย และเนื่องจากการที่มันทำตัวเสมือนเป็น node หนึ่งใน LAN นี้ยังทำให้มันสามารถทำงานอื่นๆได้อีกมาก เช่น รวบรวมข้อมูลเพื่อหาเส้นทางที่ดที่สุดในการส่งข้อมูลต่อหรือตรวจสอบข้อมูลที่เข้ามานั้นมาจากไหน ควรจะให้ผ่านหรือไม่ เพื่อช่วยในเรื่องการรักษาความปลอดภัยด้วย
การทำงานของ Router
สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง Bridge กับ Router คือ Bridge ทำงานในระดับ Data Link Layer คือจะใช้ข้อมูล station address ในการทำงานส่งข้อมูลไปยังที่ใดๆ ซึ่งหมายเลข station address นี้มีการกำหนดมาจากฮาร์ดแวร์หรือที่ส่วนของ Network Interface Card (NIC) และถูกกำหนดมาเฉพาะตัวจากโรงงานไม่ให้ซ้ำกัน ถ้ามีการเปลี่ยน NIC นี้ไป ก็จำทำให้ station address เปลี่ยนไปด้วย ส่วน Network Layer address ในกการส่งผ่านข้อมูลโปรโตคอลของเครือข่ายชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น IPX, TCP/IP หรือ AppleTalk ซึ่งจะเป็นโปรโตคอลที่ทำงานใน Network Layer การกำหนด Network address ทำได้โดยผู้ดูแลระบบเครือข่ายนั้น ทำให้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และสามารถใช้อุปกรณ์ Router เชื่อมโยงเครือข่ายที่แยกจากกันให้สามารถส่งผ่านข้อมูลร่วมกันได้และทำให้เครือข่ายขยายออกไปได้เรื่อยๆ
หน้าที่หลักของ Router คือการหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นตัวกลางในการส่งต่อข้อมูลไปยังเครือข่ายอื่น ทั้งนี้ Router สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายที่ใช้สื่อสัญญาณหลายแบบแตกต่างกันได้ไม่ว่าจะเป็น Ethernet, Token Rink หรือ FDDI ทั้งๆที่ในแต่ละระบบจะมี packet เป็นรูปแบบของตนเองซึ่งแตกต่างกัน โดยโปรโตคอลที่ทำงานในระดับบนหรือ Layer 3 ขึ้นไปเช่น IP, IPX หรือ AppleTalk เมื่อมีการส่งข้อมูลก็จะบรรจุข้อมูลนั้นเป็น packet ในรูปแบบของ Layer 2 คือ Data Link Layer เมื่อ Router ได้รับข้อมูลมาก็จะตรวจดูใน packet เพื่อจะทราบว่าใช้โปรโตคอลแบบใด จากนั้นก็จะตรวจดูเส้นทางส่งข้อมูลจากตาราง Routing Table ว่าจะต้องส่งข้อมูลนี้ไปยังเครือข่ายใดจึงจะต่อไปถึงปลายทางได้ แล้วจึงบรรจุข้อมูลลงเป็น packet ของ Data Link Layer ที่ถูกต้องอีกครั้ง เพื่อส่งต่อไปยังเครือข่ายปลายทาง .....

ห้ามเปลี่ยนตำแหน่งไอคอนที่จัดเรียงไว้หน้าจอ XP
สำหรับผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์คนเดียว ทุกครั้งที่เปิดโปรแกรม ไอคอนต่งๆ ควรจะอยุ่ตำแหน่งที่แก้ไขไปครั้งล่าสุด หรือเหมือนเดิมทุกครั้งที่เปิด แต่ถ้าในระดับองค์กรคงปวดหัวกันทั่วหน้า คนหนึ่งย้ายไอคอนไว้อีกที่หนึ่ง อีกคนย้ายไปอีกที่จะไม่ให้ย้ายทำอย่างไร
1. จัดเรียงไอคอนต่าง ๆ ให้อยุ่ในตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสมก่อน
2. คลิกที่ Start
3. เลือกรายการ Run
4.ที่ช่อง Open
5. เลือกรายการ HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer
6. คลิกเมาส์ขวาลือก New
7. เลือกรายการ Binary Value เพื่อปรับเปลี่ยนค่า
8. ปรากฎชื่อของรายการ Binary Value ให้เปลี่ยนชื่อเป็น NoSaveSettings
9. เสร็จแล้วคลิกขวาที่ NoSaveSettings ที่สร้างไว้ คลิกขวาเลือคำสั่ง Modify
10. ตั้ง Value data เป็น 10 00 00 00
11. คลิก OK .....

ใช้ Windows XP ไม่ได้ ถ้าไม่มีแผ่นดิสก์
ผู้ใช้งานโปรแกรม Windows XP มีความปลอดภัยอยู่อย่างหนึ่ง คือสามารถไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้เครื่องของเราได้ ถ้าไม่มีแผ่นดิสก์ ขั้นตอนการสร้าง แผ่นดิสก์มีดังต่อไปนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Start > Run
2. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า syskey แล้วคลิก OK
3. จะปรากฎหน้าต่าง Securing the Windows ... คลิกปุ่ม Update
4. จะปรากฎหน้าต่าง Startup Key
5. ในกรอบ Syste, Generated Password คลิกที่ช่อง Store Startup Key on Floppy Disk
6. จากนั้นคลิก OK
7. ใส่แผ่นฟล็อบปี้ดิสก์เข้าไปในไดรฟ์ A จะปรากฎหน้าต่าง Success คลิกที่ OK
8. หน้าต่าง Save Startup Key จะปรากฎขึ้นมา ให้คลิกที่ OK
9. จะปรากฎหน้าต่าง Save Startup key อีกครั้ง ให้คลิกที่ปุ่ม OK เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ..
เราก็จะได้แผ่น Startup key disk ไว้ใช้งาน ทุกครั้งที่เข้าสู่โปรแกรม Windows XP จะมีการเตือนให้ใส่แผ่น Startup key disk เสมอ คนที่ไม่มีแผ่นจึงไม่มีสิทธิ์ใช้งานได้ .....

ล้างบางรายชื่อส่วนเกินใน MSN
เคยสังเกตบ้างไหมว่าเวลาที่เราใช้งาน MSN (โดยเฉพาะตามร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่) นั้น โปรแกรมนี้จะจำทุกอีเมล์ที่เข้าใช้งานในช่อง Sign in ทุกครั้ง เพื่อการใช้งานครั้งต่อไปจะได้ไม่ต้องพิมพ์ชื่ออีเมล์ที่แสนยาวนั้นซ้ำบ่อยๆ
แต่หากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องมีผู้ใช้งานหลายคนมักมีปัญหาอีเมล์ที่มากเกินความจำเป็น ในบางอีเมล์ก็อาจไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ยังคงค้างอยู่ในเครื่องโดยที่ไม่รู้วิธีลบออก ทำให้เมื่อใช้งานครั้งต่อไปอาจเสียเวลานานในการมองหาอีเมล์ที่ใช้อยู่ประจำ ดังนั้นควรเอาออกเสียดีกว่า วิธีการมีดังนี้
- คลิ้ก Start -> Run พิมพ์ control userpasswords2 คลิก OK
-จากหน้าต่าง User Accounts เลือก Advanced tab แล้วคลิ้กที่ Manage passwords
-เลือกอีเมล์ที่ต้องการลบออก แล้วคลิ้กที่ Remove .....

เปลี่ยน CD Key ของ Office XP
ก่อนหน้านี้ เราได้เคยแนะนำวิธีเปลี่ยน CD Key ของ Windows XP ไปแล้ว สำหรับ WinTip ในครั้งนี้ เราจะมาเปลี่ยน CD Key ที่ถูกต้องตามกฏหมายให้กับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ Microsoft Office XP กันครับ
งานนี้ต้องพึ่งพระเอกคนเก่งของเรานั่นคือ Registry Editor ก่อนอื่นให้คุณเตรียม CD Key เสียก่อน โดยทั่วไปมันจะอยู่ที่ด้านหลังของกล่องซีดี (ของแท้) เมื่อพบแล้ว ก็ให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ได้เลยครับ (อาจจะยาวสักหน่อย แต่ไม่ยากหรอกครับ)
1. สั่งรันโปรแกรม Registry Editor โดยคลิกปุ่ม Start -> Run พิมพ์คำสั่ง regedit คลิกปุ่ม OK
2. ในโปรแกรม Registry Editor ให้คลิกเข้าไปที่คีย์ย่อย (subkey) ดังข้างล่างนี้
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Office\10.0\Registration
\คลิกเครื่องหมาย + ที่อยู่หน้าโฟลเดอร์นี้ ถ้าคุณพบว่า มีคีย์ย่อยเพียงอันเดียวในโฟลเดอร์นี้ ซึ่งประกอบด้วยชุดตัวเลขและตัวอักษร 32 ตัวอยู่ในวงเล็บปีกกา{} ให้เลือกคีย์ย่อยนี้ แล้วทำขั้นตอนต่อไป แต่ถ้ามีคีย์ย่อยมากกว่า1 คีย์ ซึ่งมีชุดตัวอักษร 32 ตัวในวงเล็บปีกกาเหมือนๆ กัน ให้คลิกเลือกทีละอัน พร้อมทั้งสังเกตค่าของ DisplayName ที่อยู่ในกรอบขวามือที่มีค่าตรงกับตัวเลขเวอร์ชันของ Office
3. คลิกขวาบนค่าสตริง ProductID ในกรอบทางขวามือ เลือกคำสั่ง Rename
4. ตั้งชื่อใหม่เป็น OldProductID แล้วกดปุ่ม Enter แล้วปิดโปรแกรม Registry Editor
5. เปิดโปรแกรม Office (ตัวไหนก็ได้) เมื่อไดอะล็อกบ๊อกซ์ Microsoft Office XP User Information ปรากฎขึ้นมาให้พิมพ์ CD Key ที่เตรียมไว้ แล้วทำตามคำสั่งบนหน้าจอ
6. กลับไปทำตั้งแต่ขั้นตอนที่ 2 แล้วคลิกเลือกคีย์ย่อย Registration
7. คลิกขวาบนคีย์ย่อย Registration เลือกคำสั่ง Rename พิมพ์ OldRegistration แล้วกดปุ่ม Enter
8. ออกจากโปรแกรม Registry Editor แล้วทำขั้นตอนที่ 5 อีกครั้งหนึ่ง เป็นอันเรียบร้อย .....

Firewall นั้นสำคัญไฉน
แม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณนั้นจะได้รับ การป้องกันจากโปรแกรม Antivirus แล้วแต่ไวรัสในปัจจุบันก็มีความฉลาดมากกว่านั้น โดยเฉพาะพวกที่เรียกว่า Worm เพราะพวกหนอนเหล่านี้จะไม่ได้มีเป้าหมายการทำให้ไฟล์ติดเชื้อ แต่จะเป็นการทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ติดเชื้อ เพราะมันจะมีโปแกรมซึ่งเป็นตัวมันเองอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และจะมีการติดต่อผ่านระบบเครือข่ายออกไป โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว อย่างเช่นการส่ง Spam mail หรือการทำ Flooding การป้องกันเหล่านี้ Antivirus อาจจะไม่เพียงพอ
สิ่งที่คุณต้องการอีกอย่างหนี่งก็คือ Firewall ซึ่งมีความจำเป็นมากถึงขนาดที่ Windows XP SP2 ได้มีการติด Firewall มาให้ตั้งแต่เกิดเลย แม้ว่าจะเป็น Firewall ระดับพื้นฐานก็ตาม แต่ก็สามารถทำงานได้ระดับหนึ่ง สำหรับโปรกรม Antivirus บางตัวก็มีจะมีการรวม Firewall เข้ามาด้วย เพียงแต่อาจจะไม่ได้เรียกว่า Firewall โดยตรงอย่างเช่น Norton Internet Worm Protection ที่การทำงานของมันก็คือ Firewall ดี ๆ แน่เอง เพราะมันจะทำหน้าที่ในการควบคุม Traffic ในการติดต่อกับเครือข่าย ของโปรแกรมหรือ Session ต่างๆ โดยสามารถจะ Block หรือ Deny การเชื่อมต่อได้ทั้งแบบโปรแกรม หรือเจาะจง Port ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการบันทึกกฎในการทำงานของ Trojan หรือ Worm ตัวต่างๆ เอาไว้ด้วย เพื่อเวลามีโปกรมใดที่ทำงานตรงตามกฎที่มีอยู่ จะได้สงสัยได้เลยว่านั่นคือ Trojan หรือ Worm นั้นเอง .....

เพิ่มความเร็วในการ รีเฟรชจอภาพ XP
ในการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งเมื่อมีการเพิ่มโฟลเดอร์หรือลบสิ่งต่าง ๆ ออกไปจากหน้าต่างย่อย ต้องรีเฟรช หรือกดปุ่ม F5 ที่คีย์บอร์ดเพื่อดูค่าที่เปลี่ยนแปลง เราสามารถให้ รีเฟรชจอภาพโดยอัตโมัติ ด้วยวิธีการต่อไปนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Start > Run
2. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า Regidit แล้วคลิก OK
3. เลือก HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Control\Update
4. มองกรอบด้านขวามือเลือกรายการ UpdateMode พร้อมคลิกขวา
5. เลือกที่คำสั่ง Modefy จะปรากฎช่องให้กรอกข้อมูล
6. ที่กรอบ Base ให้เลือก Decimal
7. Value data : เปลี่ยนจาก 1 เป็น 0 แล้วคลิกปุ่ม Ok ต่อไปเมื่อเปลี่ยนแปลงคาต่าง ๆ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลา รีเฟรชอีก .....

ใครแอบดูข้อมูลเราตอนที่เล่นเน็ต ?? XP
ความอยากเห็นของมนุษย์เราไม่มีวันสิ้นสุด เป็นที่รู้จักกัน ขณะที่เรากำลังต่อเครื่องคอมเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ตอาจมีมือเซียนเข้ามาขโมยข้อมูลในเครื่องเราก็เป็นไปได้ เราสามารถใช้ Windows XP ตรวจดูโดยวิธีต่อไปนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Start > Run
2. ที่ช่อง Open พิมพ์คำว่า netstat 20 แล้วคลิก OK
3. จะปรากฎกรอบหน้าต่าง ขึ้นมาให้ตรวจดู IP Adress อันไหนแปลกปลอมเข้ามาบ้าง โดยโปรแกรมจะตรวจสอบทุก ๆ 20 วินาที
** หมายเหตุ ต้องต่อเน็ต หรืออยู่ในระบบเครือข่ายจึงจะใช้คำสั่งนี้ได้ .....

ต้องการให้เครื่องอ่านซีดีค้นหาข้อมูลโดยอัตโนมัติหรือไม่ XP
เราสามารถกำหนดให้เครื่องอ่านซีดีรอมค้นหา ข้อมูลโดยอัตโนมัติ หรือไม่อัตโนมัติ โดยมีวิธีการทำดังต่อไปนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Start > Run
2. ที่ช่อง Open พิมพ์คำ gpedit.msc แล้วคลิก OK
3. เลือกที่ช่อง Local Computer Policy > Computer Configuration > Addministrative Template > System
4. มองกรอบทางขวามือ คลิกขวาที่ข้อความ Turn off Autoplay จะแสดงกรอบรายการขึ้นมาใหม่
5. เลือกแถบ Setting
6. คลิกที่คำสั่ง Enabled แล้วเลือก Turn off Autoplay on: เป็น CD-ROM Drives
7. คลิก OK .....

ใส่หน้ากากแบบ Winamp ให้ทูลบาร์ IE XP
ถ้าหากเป็นแฟนพันธ์แท้กับ IE และใช้งานเป็นประจำคงเป็นเรื่องน่าเบื่อเมื่อพบแต่หน้าตาแบบเดิม ๆ เราสามารถใส่รูปตามใจชอบได้ดังนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Start > Run ที่ช่อง Open พิมพ์คำ gpedit.msc แล้วคลิก OK
2. เลือก User Configuration > Windows Setting > Internet Explorer Maintenance > Browser Interface
3. ดับเบิ้ลคลิกที่ Browser Toolbar Customizations
4. ที่กรอบ Background ให้คลิกที่ Customize Toolbar...
5. คลิกที่ Browse ไปยังที่เก็บรูปนั้น ๆ แล้วคลิกเลือกรูปที่ต้องการ
6. คลิกปุ่ม OK .....

หาเงินผ่านเน็ต ทำได้จริงหรือ?
"สำหรับคนที่ เกลียดเช้าวันจันทร์ แต่รักเย็นวันศุกร์ เบื่อชีวิตลูกจ้างสุดสุด... อยากเปลี่ยนชีวิตตัวเอง..","ธุรกิจเสริมจากที่บ้าน 5000-20000/เดือน" ข้อความเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนที่คัดมาไม่ว่าจะจากอีเมล์ หรือเว็บบอร์ดที่ส่งกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ผู้อ่านหลายๆคนก็คงจะเคยได้รับข้อความดังกล่าวและอาจจะสงสัยว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่?
อีเมล์ลักษณะดังกล่าว เป็นข้อความหรือจดหมายเชิญชวนให้เราเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มที่รวมตัวกันเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินบางอย่าง โดยเนื้อหาในเมล์ก็จะคล้ายๆกัน และมีลิงค์ไปยังเว็บไซต์หรือมีเบอร์โทรติดต่อ แต่พอติดต่ออย่างจริงจังก็กลับพบว่าเขาไม่ค่อยสะดวกที่จะคุยกับเราอย่างเปิดเผย
Work at Home รูปแบบก็คือจะมีงานที่เงินดี ทำจากที่บ้านได้ ใช้เวลาวันละ 1-2 ชั่วโมง หากสนใจให้ลงทะเบียนได้ โดยจะต้องเสียเงินค่าสมัครสมาชิก แล้วจะได้เงินค่าตอบแทนและจะยิ่งได้มากขึ้นหากหาสมาชิกได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทใช้วิธีการเอาเงินของคนใหม่ๆมาจ่ายคนเก่าเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆนั่นเอง
การขายตรงแบบเครือข่าย รูปแบบก็คล้ายๆแบบ Work at Home แต่จะมีสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพที่มีราคาแพง มาให้ซื้อ ซึ่งทางบริษัทใช้วิธีการเอาค่าสินค้าของคนใหม่มาจ่ายให้คนเก่าเป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม

คลิกแล้วได้เงิน เป็นการคลิกป้ายโฆษณา ทางอินเทอร์เน็ต โดยจะมีการกำหนดว่าให้คลิกได้วันละกี่ป้าย และจะได้ค่าตอบแทนป้ายละเท่าไร และจะได้เงินค่านายหน้าหากชักชวนเพื่อนมาสมัครได้อีกต่อนึง เป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ
บทสรุป
จากตัวอย่างที่กล่าวมา(ซึ่งเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น!!!) ไม่ควรไปหลงเชื่อเลยครับ เชื่อถือไม่ได้ เสียเวลาเปล่าๆ ได้ไม่คุ้มเสีย การได้เงินที่ดีนั้นจะต้องมาจากกระบวนการที่ถูกต้อง เหมาะสม ยุติธรรม และถูกกฎหมาย ขอให้พิจารณาใคร่ครวญอย่างรอบคอบก่อนกระทำการใดๆ
สำหรับผู้ที่พยายามฉกฉวยโอกาสใช้ความได้เปรียบทางเทคโนโลยี หลอกลวงคนอื่น ก็โปรดรู้ไว้ดวยว่าตอนนี้กฎหมายได้กำหนดบทลงโทษเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ทางที่ดีที่สุดก็ควรเลิกพฤติกรรมไม่ดีนี้อย่างเด็ดขาด ก่อนจะมานั่งเสียใจในภายหลังครับ!!!.....

0 ความคิดเห็น: