เธอเข้ารับอิสลามทำไม ?
โดย...ญีฮาน อัลบัดรียฺ อัสไซยยิด อะหฺมัด กรุงไคโร
ใน หลายบรรทัดต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะเขียนเกี่ยวกับการเข้ารับอิสลาม ของสตรีชาวอิตาลีที่เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นได้กลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในอิตาลีที่มีความสวยงามโดด เด่น ชีวิตของเธอหลังจากที่ได้เป็นศิลปิน(นักแสดง)แล้ว ได้โลดแล่นไปในสิ่งที่เสียหายทางกิริยามารยาท วันแล้ววันเล่า ในรูปแบบศิลปะ และในทุกสังคมได้มอบให้กับเธอ ในขณะที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ ให้เธอหันหน้าเข้าหาพระผู้เป็นเจ้าแห่งสกลโลก และเปลี่ยนสภาพของเธอ จากดำเป็นขาว เธอ คือ มาร์เซลลา อันญโล
ซึ่งเหมือนกับที่อันญโล กล่าว เธอกล่าวว่า
" ฉันเกิดที่เมืองเญนัว จากพ่อ และแม่ชาวอิตาลี คริสเตียน ที่มีทิฐิ มานะมาก ฉันได้รับการศึกษาเบื้องต้น จากโรงเรียนในเมืองเญนัว หลังจากนั้น ฉันได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงอิตาลี กรุงโรม กับครอบครัวของฉัน เพื่อไปเรียนต่อในสถานศึกสอนศิลปะต่างๆ "
มาร์เซียลลา ได้กล่าวต่อไปว่า
"ฉัน เป็นสาวสวย ที่ทำให้หลายคนเหลียวหันมามอง จนกระทั่งในขณะที่ฉันเป็นนักศึกษา อยู่ในสถานศึกษา ได้รับข้อเสนอ ให้ไปทำงานเป็นนางแบบ แก่พวกนักวาดเขียน ฉันได้ทำงานไปพร้อมกับการเรียน ฉันได้รับชื่อเสียงมาก ในเวทีแห่งนี้ หลังจากนั้น ในขณะที่ฉันมีความสวยงามอันมากมาย ฉันได้ทำงานเป็นนางแบบ เพื่อแสดงเสื้อผ้า ฉันได้รับชื่อเสียง เงินทองมากมาย จบการศึกษาจากสถานศึกษาศิลปะด้วยดี "
มาร์เซียลลา ได้เล่าต่อไปว่า
"เธอ มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าที่ผ่านมา มีความฝันที่จะได้ไปแสดงภาพยนตร์ในอิตาลี แล้วมีโอกาสได้ไปพบกับผู้สร้างภาพยนตร์เบตโร ญไรยสฺ ที่เสนอให้ฉันได้แสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง และฉันได้รับความสำเร็จอย่างมาก ในภาพยนตร์เรื่องนี้ หลังจากนั้น ก็มีภาพยนตร์เข้ามากมาย และได้รับความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง "
เธอได้กล่าวต่อว่า
"ฉัน ได้แต่งงานกับชาวอิตาลี ที่มีฐานะดีคนหนึ่ง ชีวิตของฉันดำเนินไปกับภาพยนตร์ ความรุ่งโรจน์ เชื่อเสียง เงินทอง และอื่นๆ จากถ้อยคำสวยงามต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในโลกนี้ "
ภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง
ในช่วงนี้ มาร์เซลลา ไม่มีความคิดในสิ่งหนึ่งสิ่งใด นอกจากการทำงานด้านศิลปะ และในวันหนึ่งมีคำสั่งให้ฉันเดินทางไปยังมัรซามัต-รู้หฺของอียิปต์ กับบรรดานักแสดงทั้งหญิง และชาย เพื่อแสดงภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง
"ตรง นั้น ฉันได้เห็นกลุ่มชนจำนวนมาก มุ่งหน้ามายังอาคารเล็กๆ พวกเขาจะถอดรองเท้าของพวกเขาไว้ตรงประตูของมัน แล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไป เมื่อนั้นเองฉันเดินไปด้านหน้าอาคาร ฉันได้เห็นผู้คนทั้งหลายในห้องของอาคาร โดยมีความนอบน้อม สงบเงียบ แล้วเข้าแถวเพื่อปฏิบัติพิธีกรรมที่ถูกกำหนด มีการก้มกราบ และโค้งลง ขณะนั้นเองฉันได้ถามผู้คนและรู้เรื่องราวต่างๆ และครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นมัสญิด และเป็นครั้งแรก ที่ฉันได้เห็นบรรดามุสลิมทำการละหมาด โดยมีอายุ เสื่อผ้าที่แตกต่างกันไป ทำการละหมาด ในขณะที่พวกเขามีความเท่าเทียมกัน เท้าเปล่า ทำการละหมาดด้วยความนอบน้อม และสงบเงียบ "
มาร์เซลลา ได้อธิบายเรื่องราวต่างๆ ต่อไป โดยกล่าวว่า
"ใน วันต่อมา ฉันได้มุ่งหน้าไปยังมัสญิดเดียวกันนั้น ได้ไปยืนดูบรรดามุสลิม ได้พูดจาทักทายกับบางคน หลังจากที่พวกเขาละหมาดเสร็จแล้ว พวกเขาเป็นคนดี มีความยำเกรง พูดตรงไปตรงมา ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของพวกเขา ตรงกับสิ่งที่พวกเขาพูดออกมา ช่วงการแสดงภาพยนตร์ได้เสร็จลง ทุกคนตลอดจนตัวฉันได้กลับไปยังอิตาลี และที่นั่น ที่อิตาลีฉันได้พบการเปลี่ยนแปลงของสามีของฉัน แล้วเกิดความขัดแย้งกับเขา ความขัดแย้งได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น และขยายวงไป มีคนบางคนเข้ามาไกล่เกลี่ย เพื่อขจัดปัญหา และเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆได้ดำเนินไปตรงตามความต้องการอีกอย่างหนึ่ง เราได้ตกลงแยกทางกัน และเราก็ได้แยกทางกันจริง "
หลัง จากนั้น มาร์เซลลา ได้เริ่มขอตัวในการแสดงภาพยนตร์บางเรื่อง โดยที่เธอนั่งคิดอยู่หลายชั่วโมง เกี่ยวกับการละหมาดของบรรดามุสลิม ความง่ายดายของพวกเขา ความง่ายดายของการละหมาดของพวกเขา ความใจดี และการมีมารยาทดีของพวกเขา
มาร์เซลลา เล่าต่อไปว่า
"วัน หนึ่งฉันได้ไปทำธุระและระหว่างที่ขับรถ ฉันได้หยุดอยู่ที่ป้ายศูนย์กลางอิสลาม ในกรุงโรม ฉันลงจากรถโดยเร็ว ไปพบกับมุสลิมบางคน แต่ฉันไม่ได้บอกอะไรกับพวกเขา เว้นแต่ว่า ฉันได้ขอความหมายอัลกุรอานที่แปลเป็นภาษาอิตาลี และหนังสือเล็กๆบางเล่มที่พูดถึงอิสลาม และท่านนบีที่มีเกียรติ มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮวะซัลลัม ที่เป็นภาษาอิตาลี ฉันได้ถือเอาขุมทรัพย์อันมีค่านี้ไป และมุ่งหน้าไปยังบ้านของฉันทันที หลังจากอีกไม่กี่วันต่อมา อัลลอฮฺ ทรง ประสงค์ให้ฉันได้รับทางนำ ความยำเกรง ความผ่องใส ความผุดผ่อง และฉันได้มุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางอิสลามฯ โดยที่ได้ประกาศความประสงค์ของฉันในการเข้ารับอิสลาม ในวันนั้นฉันได้รับความสุขที่ไม่สามารถที่จะอธิบายได้"
หลังจากนั้น เธอได้พูดกับบรรดามุสลิมหลังจากที่ได้รับอิสลามแล้ว โดยกล่าวว่า
“แน่ นอนยิ่ง ฉันได้พบสิ่งที่เป็นปัญญา สิ่งที่กินกับปัญญาในศาสนาของท่านทั้งหลาย และเหมือนกับที่ท่านทั้งหลายศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ ร่อซูลผู้เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา และคนที่อัลลอฮฺได้ทรงเลือกเขา เพื่อที่จะนำเอาสาสน์ของพระองค์ไปเผยแพร่แก่ผู้คนทั้งหลาย เพื่อให้พวกเขาศรัทธาต่อพระองค์ และกุรอานที่ยิ่งใหญ่ กุรอานนี้ที่เป็นธรรมนูญ จัดระเบียบชีวิตของมนุษย์ ฉันมีความรู้สึกว่า ฉันนี้ได้เกิดใหม่” .
และ หลังจากการเกิดใหม่นี้ มาร์เซลลา ได้รับชื่อว่า ฟาฏิมะฮฺ มุฮัมมัด อับดุลลอฮฺ หลังจากที่เธอได้เข้ารับอิสลามแล้ว เธอได้ย้ำเน้นว่า
“ฉัน รู้สึกเสียใจในวันเวลาที่มากมายที่ผ่านฉันไป และสิ่งที่ฉันได้กระทำไป จากการให้ร้ายต่างๆ ในขณะที่ฉันได้กระทำในฐานะเป็นนางแบบให้พวกนักวาดภาพ นางแบบ เพื่อแสดงเสื้อผ้า หากว่าอิสลามไม่ลบล้างสิ่งที่ผ่านมา ความเศร้านั้น ก็จะเล่นงานฉันเป็นพายุใหญ่ ฉันได้สวามิภักดิ์ และกลับเนื้อกลับตัวยังอัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าแห่งสกลโลกแล้ว”
เธอได้กล่าวเช่นเดียวกันว่า
“ฉัน จะพยายามนำเอาศาสนาของฉัน มาเชื่อมติดกันกับการงานของฉัน ในการงานของฉันนั้น มีสิ่งต่างๆมากมาย ที่อิสลามปฏิเสธ และเมื่อทั้งหมดนั้น มันค้านกับอิสลาม ความเหมาะสม และประเสริฐที่สุดนั้น ก็จะต้องเป็นไปตามอิสลาม”
อนึ่ง เนื่องจากฟาฏิมะฮฺ ไม่พบในภาพยนตร์และศิลปะซึ่งสิ่งที่จะมาช่วยเธอ ในการรักษาศาสนาของเธอ และการกลับเนื้อกลับตัวของเธอ เธอจึงได้สร้างสำนักพิมพ์ และใช้ชีวิตที่ดีมีเกียรติ สะอาด บริสุทธิ์ผุดผ่อง...
ถอดความเสนอ. ม.ดอนฉิมพลี
0 ความคิดเห็น: