ผู้หญิงขายตัว ( เรื่องเล่าโสเภณี หญิงบริการ ) น้ำตาไหล เหตุเกิดในอียิป

เรื่องของชัยคฺจากอัซฮัรฺและโสเภณีนางหนึ่ง

แหล่งที่มา http://www.ahlalhdeeth.com


ท่านเคยได้ยินเรื่องราวของชัยคฺจากอัซฮัรและโสเภณีนางหนึ่งหรือไม่?

เรื่องราวของชัยคฺอะหมัด อัซซะยาด ซึ่งถูกถ่ายทอดโดยชัยคฺอะลียฺ ฏ็อนฏอวียฺ (เราะหิมะฮุลลอฮฺ)

ชัยคฺอะลียฺ ฏ็อนฏอวียฺ เล่าว่า “ชัยคฺอะหมัด อัซซะยาด เป็นอาจารย์ท่านหนึ่ง ผู้ที่ไม่ทราบถึงสิ่งอื่นใดในโลกใบนี้ เว้นแต่ “อัล อัซฮัรฺ สถานศึกษาที่ท่านทำการสอนหนังสือ” “บ้าน ที่ท่านอยู่อาศัย” และ “เส้นทางระหว่างทั้งสองสถานที่นี้”


หลายปีผ่านไป ชัยคฺอะหมัดเริ่มมีอายุที่มากขึ้น สุขภาพของท่านเริ่มทรุดโทรม และท่านจำต้องได้รับการพักผ่อน ดังนั้นแพทย์จึงสั่งให้ท่านหยุดพักผ่อนและแนะนำให้ท่านไปที่ไหนสักแห่งที่ ห่างจากสถานที่ทำงานและบ้านของท่าน อีกทั้งยังแนะนำให้ท่านใช้เวลาอยู่กับความเงียบสงบที่สวนสาธารณะบริเวณแม่ น้ำไนล์ให้มีความสุข

ด้วยเหตุนี้ วันหนึ่งชัยคฺอะหมัดจึงออกไปข้างนอก และเรียกรถม้า (ขณะนั้นยังไม่มีรถยนตร์) ท่านบอกกับคนขับขี่รถม้านั้นว่า “ลูกชายเอ๋ย พาฉันไปยังสถานที่ดีดี ที่ฉันจะเพลินเพลินกับบรรยากาศและได้พักผ่อน ณ ที่แห่งนั้นด้วยเถอะ”

หากแต่ว่า คนขับขี่รถม้านั้นเป็นคนไม่ดี เขาจึงพาชัยคฺไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในอียิป อันเต็มไปด้วยซ่องโสเภณี และเมื่อถึงสถานที่ดังกล่าว เขาจึงบอกชัยคฺว่า “ที่นี่แหละครับ”

ชัยคฺพูดขึ้นมาว่า “โอ้ ลูกชายเอ๋ย ใกล้จะถึงเวลาละหมาดมัฆริบแล้ว ฉันจะไปละหมาดที่ไหนได้ ช่วยพาฉันไปที่มัสญิดก่อนเถิด
ชายผู้ขับขี่รถม้าจึงชี้ไปยังซ่องเหล่านั้น และตอบว่า “มัสญิดอยู่ตรงนู้น ครับ”

เมื่อประตู (ของซ่อง) เปิดออก สตรีที่ดูแลซ่องนั้นกำลังนั่งอยู่ด้วยท่าที่เธอมักจะนั่งอยู่เป็นประจำ

เมื่อชัยคฺเห็นเธอ ท่านจึงลดสายตาลงต่ำ และเมื่อท่านเห็นที่นั่ง ท่านจึงเดินตรงไปและนั่งลง รอเสียงอะซาน

สตรีคนดังกล่าว ซึ่งอยู่ในอาการรู้สึกสับสน จ้องมองดูท่าน “อะไรที่ทำให้ ชายคนนี้ มาที่นี่? เขาดูไม่เหมือนลูกค้าทั่วไปที่เคยเข้ามาเลย” เธอคิดอยู่ในใจ หากแต่ก็ไม่กล้าถามท่านว่าท่านมาทำอะไรที่นี่

สิ่งที่ยับยั้งเธอไม่ให้ถามท่าน คือ “ความละอาย ที่อยู่ในหัวใจของเธอ” แม้ว่าเธอจะเป็นโสเภณีก็ตาม อย่างไรก็ตาม “ความละอายนั้น”ย่อมปรากฎขึ้นต่อหน้าคนดีมีคุณธรรมเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ตัวของชัยคฺเอง ก็นั่งรอด้วยการตัสบีฮฺ และจ้องมองดูนาฬิกาของท่านไป จนกระทั่งท่านได้ยินเสียงอะซาน ละหมาดมัฆริบแว่วๆ ในระยะไกล
จากนั้นท่านจึงถามเธอว่า “มุ อัซซิน (ผู้ทำการอะซาน) ของที่นี่อยู่ที่ใดหรือ” “เหตุใด เขาจึงไม่ทำการอะซานเมื่อถึงเวลาละหมาดแล้ว?” “เธอเป็นลูกสาวของเขาหรือ?”

โสเภณี

เธอนิ่งเงียบ

ชัยคฺรอคำตอบชั่วขณะ จากนั้นจึงกล่าวว่า “ลูกสาวของฉันเอ๋ย เวลาละหมาดมัฆริบนั้นค่อนข้างจะสั้น และมันไม่เป็นที่อนุมัติในการที่จะล้าช้าในการละหมาด หากแต่ฉันไม่เห็นใครสักคนเลยที่นี่ ดังนั้นหากว่าเธอมีน้ำละหมาดอยู่แล้ว ก็ทำการละหมาดญะมาอะฮฺ อยู่ข้างหลังฉันเถอะ”

จากนั้นท่านจึงกล่าวอะซาน โดยที่ไม่ได้มองดูนาง และขณะที่ท่านกำลังจะกล่าวอิกอมะฮฺ ท่านก็พบว่ามีเพียงแต่ความเงียบอยู่ข้างหลังท่าน
ท่านจึงถามขึ้นมาว่า “มีอะไรหรือ? เธอยังไม่ได้อาบน้ำละหมาดหรือ?”

ทันใดนั้น เมื่ออีม่าน (ความศรัทธา) ของเธอตื่นขึ้น เธอจึงระลึกถึงวันเก่าๆ วันที่เธอยังเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ และปราศจากซึ่งความผิดบาปทั้งหลาย

จากนั้นเธอเริ่มร้องไห้เสียงดัง และนั่งลงกับพื้น และเธอเริ่มเล่าเรื่องราวของเธอให้ท่านฟัง

ท่านเห็นความเศร้าโศกเสียใจจากการบอกเล่าของเธอ และท่านรู้สึกได้ถึงความจริงใจของการสำนึกผิดของเธอ ท่านรับรู้ได้ถึงความบริสุทธิ์ใจต่อสิ่งที่เธอกำลังบอกกล่าว ดังนั้นท่านจึงบอกแก่เธอว่า

“ลูกสาวของฉัน จงฟังสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าแห่งการสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายของเจ้าตรัสไว้ว่า “โอ้ บ่าวของข้า บรรดาผู้ที่ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเธอง (ด้วยการกระทำบาป) จงอย่าสิ้นหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺทรงอภัยโทษต่อความผิดบาปทั้งมวล” (อัลกุรอาน 39:53)

ทุกๆ ความผิดบาป ลูกสาวของฉัน พระองค์ทรงอภัยต่อความผิดบาปทั้งมวล

ประตูแห่งการสำนึกผิดนั้นเปิดไว้สำหรับบรรดาผู้กระทำบาป และมันก็ยังเปิดกว้างเพื่อรอรับทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าความผิดบาปนั้นมันจะหนักเพียงใดก็ตาม แม้แต่การสำนึกผิดของบรรดากุฟร์

ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่ปฏิเสธต่อพระผู้ทรงอานุภาพ หลังจากที่เขาได้เป็นผู้ศรัทธา หากแต่เขาได้ทำการสำนึกผิดก่อนชั่วโมงแห่งความตายของเขามาถึง และเขาจริงใจต่อการสำนึกผิดของเขา และเริ่มต้นอิสลามของเขาใหม่ อัลลอฮฺจะทรงตอบรับจากเขา

ลูกสาวเอ๋ย อัลลอฮฺนั้นทรงกรุณาปรานีต่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย เธอเคยได้ยินหรือไม่ว่า มี “คนที่มีความกรุณาปรานีคนใดบ้างที่ปิดประตูใส่หน้าบรรดาผู้ที่มาขอความช่วย เหลือจากเขา”?

จงลุกขึ้นและไปทำความสะอาด และปกปิดตัวของเธอเสีย จงไปทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและด้วยหัวใจที่สำนึกผิดและเสียใจเถิด จงเข้าหาพระเจ้าของเธอ และฉันจะรอเธอ (เพื่อละหมาดที่นี่)

แต่อย่าช้านะ เราจะได้ไม่พลาดละหมาดมัฆริบ”

เธอทำตามที่ชัยคฺบอก และกลับมายังท่านพร้อมกับชุดใหม่และหัวใจใหม่ เธอยืนอยู่ข้างหลังท่านและละหมาดพร้อมกับท่าน

เธอรู้สึกและรับรู้ถึงรสชาติความหอมหวานแห่งการละหมาดนั้น และรู้สึกว่าการละหมาดครั้งนี้ได้ชำระล้างหัวใจเธอให้บริสุทธิ์

เมื่อการละหมาดเสร็จสิ้นลง ชัยคฺอะหมัดจึงบอกแก่เธอว่า “จง มากับฉัน และพยายามตัดความสัมพันธ์ที่เธอมีกับสถานที่แห่งนี้และทุกๆ คนในแห่งนี้เสีย จงพยายามลบล้างช่วงเวลาที่เธอได้ใช้มัน ณ ที่แห่งนี้ออกจากความทรงจำของเธอด้วย


จงวิงวอนขอการอภัยโทษต่ออัลลอฮฺอย่างต่อเนื่องอยู่สม่ำเสมอ และจงเพิ่มพูนความดีงามทั้งหลาย


แท้จริงนั้น บาปของการทำผิดประเวณีนั้นไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการกุฟร์ และนางฮินด์ (บินติ อุตบะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮา) ที่เคยปฏิเสธศรัทธา ผู้ที่ในหัวใจของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อท่านเราะสูลุลลอฮฺ หากแต่หลังจากนั้นเธอได้กลายเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ศรัทธาที่มีคุณธรรม จากนั้น เราต่างเริ่มกล่าวกันว่า แท้จริง อัลลอฮฺนั้นทรงพึงพอพระทัยต่อนาง”

จากนั้นชัยคฺได้พาเธอไปยัง “บ้านพักของบรรดาสตรีผู้ศรัทธา” และท่านได้หาสามีที่ดีให้แก่เธอ อีกทั้งท่านยังขอให้สามีของเธอดูแลเธอเป็นอย่างดีอีกด้วย
ลองพิจารณา ใคร่ครวญต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับสตรีท่านนี้ ว่าเธอเคยเป็นเช่นไร และเธอเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร แท้จริง มันไม่มีอะไรมากไปกว่า “ถ้อยคำที่เรียบง่าย” จากชายแก่คนหนึ่งที่นำเธอไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอจากหน้ามือเป็นหลัง มือ

ดังนั้นหากคุณคิดถึงจำนวนผู้คนที่อยู่ในสภาพเช่นเดียวกับเธอ อดีตโสเภณีท่านนี้ .. บรรดาผู้ที่มีชีวิตจมอยู่ในความโสมม ผู้ที่ "ฝุ่นจากความผิดบาปของเขา" เกาะกุมหัวใจของเขา จนบดบังแสงสว่าง

ความผิดบาปทั้งหลายเหล่านั้น เป็นสาเหตุให้พวกเขามองเห็น "สัจธรรม" ดังเช่น "ความเท็จ" และมองเห็น "ความเท็จ" ดังเช่น "สัจธรรม"

คุณลองตระหนักดูเถิดว่า พวกเขาเหล่านั้นต่างต้องการใครสักคนที่จะดึงมือเขา และช่วยชำระล้างฝุ่นที่เกาะอยู่ที่หัวใจของเขาออกไป มากเพียงใด ...


พวกเขาไม่ได้ต้องการการเยียวยาด้วยการศึกษาที่ซับซ้อน หรือปรัชญาด้านพฤติกรรม หรือทฤษฏีของการปฏิสัมพันธ์หรือการโน้มน้าว และพวกเขาไม่ได้ต้องการถ้อยคำที่ยุ่งยากซับซ้อนใดๆ

สิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นต่างต้องการอย่างแท้จริง คือ

- “ใครสักคน” ที่รู้สึกเห็นใจ สงสารพวกเขาและสภาพที่พวกเขาเป็นอยู่

- “ใครสักคน” ที่เข้าใจสถานการณ์ที่พวกเขาประสบ และให้ข้อชี้แนะต่อพวกเขา

- “ใครสักคน” ที่จะกล่าวถ้อยคำที่จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเขา (ทำให้หัวใจเกิดความซาบซึ้ง) ถ้อยคำที่เขาจะไม่แสวงหาสิ่งอื่นใด เว้นแต่พระพักตร์ของอัลลอฮฺ


หลังจากนั้น "แสงสว่างที่ถูกปกคลุมด้วยบาปอันมากมายเป็นระยะเวลายาวนาน" ย่อมปรากฎขึ้น และจิตวิญญาณของพวกเขาย่อมกลับสู่ฟิตเราะฮฺของมัน และย่อมกลับสู่ความเป็นหนึ่งเดียวของจักรวาลและกลับสู่วิถีชีวิตที่แท้จริง.....
ถอดความ بنت الاٍسلام

0 ความคิดเห็น: